TFZ Serie 2 Pro (S2 Pro)

หูฟัง In-Ear Monitor ขั้ว 2 Pin

Degree: เบสตุ้บตั้บ

425° Recommend

• หูฟัง In-Ear Monitor เบสกระหึ่มขี้หูสั่นจากแบรนด์ที่เราต่างคุ้นเคย TFZ
• ครั้งแรกที่พบเจอเจ้าหูฟังรุ่นนี้ก็รู้สึกได้ถึงความพรีเมี่ยมและความใส่ใจในการผลิตตั้งแต่ซองแพ็คเกจจิ้งตลอดจนไปถึงคู่มือด้านในเลยครับ
• ตัว Housing หูฟังดีไซน์และออกแบบมาได้สวยงาม มีลวดลายที่เท่ระเบิด สัมผัสเนียนลื่นไหลจับแล้วรู้สึกดีมากๆครับ
• เรื่องของสายเคเบิ้ลนั้นต้องบอกเลยว่าให้สัมผัสที่แพงมาก โดยตัวสายจะเป็นสายทองแดงชุบเงินหุ้มด้วยวัสดุเส้นใยสังเคราะห์ Synthetic Fiber ผิวมันลื่นๆเงาๆจับแล้วรู้สึกดีแถมสวยด้วยครับ
• เสียงดีฟังสนุกมากๆ คาแรคเตอร์เสียงของ TFZ S2 Pro จะออก V-Shape เบสลงได้ลึกหนาชัดเจน อิมแพ็คหนัก นุ่มนวล กลางดี แหลมสว่างและสัมผัสที่ลื่นไหล และให้เวทีเสียงที่ขนาดใหญ่กำลังดีครับ
• อีกทั้งยังสามารถถอดสายอัพเกรดเพื่อให้ได้เสียงที่ดีขึ้นได้อีกด้วยครับ
• ของแถมเพียบ ! ภายในกล่องนอกจากจะแถมจุกหูฟังมาให้ถึง 2 แบบแล้ว ยังแถมกระเป๋าหูรูดเท่ๆใช้สำหรับเก็บหูฟัง อีกทั้งยังมีคลิปหนีบสายเคเบิ้ลกับเสื้อที่ถอด-ใส่ได้อีกด้วย ของแถมเรียกได้ว่าจัดเต็มเกินราคามากๆครับ

Product Highlight

• หูฟังทรง Universal In-Ear Monitor
• ไดร์เวอร์ไดนามิค ขนาด 11.4 มม. ไดอะแฟมกราฟีนแม่เหล็กคู่ พร้อมเทคโนโลยีขับย่านความถี่แบบสองทาง
• สายเคเบิ้ลทองแดง Oxygen Free ขั้ว 2 Pin ชุบเงินหุ้มวัสดุเส้นใยสังเคราะห์ Synthetic Fiber
• แจ๊คขนาด 3.5 มม. เข้าหัวด้วยวัสดุโลหะ แจ๊คเคลือบทอง
• สามารถถอดอัพเกรดสายได้

Product Specification (ข้อมูลจากคู่มือภายในกล่อง)

• แบรนด์ : The Fragrant Zither (TFZ)
• รุ่น : Serie 2 Pro
• ไดร์เวอร์ : Graphene Tesla Unit : Dual Magnetic Circuit Two Devided Frequency Technology ขนาด 11.4 มม.
• ความต้านทาน : 32Ω
• ความเร็วในการตอบสนอง : 105 db/MW
• ความถี่ที่ตอบสนอง : 5 Hz-40 kHz
• แจ๊ค : ขนาด 3.5 มม. เคลือบทอง
• สายเคเบิ้ล : สายทองแดง Oxygen Free Copper ขั้ว 2 Pin ชุบเงิน หนา 0.78 มม. (อัพเกรดสายได้)

ดีไซน์และการออกแบบ (Design)

หูฟัง :

• Housing ขึ้นรูปด้วยพลาสติกเคลือบเงาผิวลื่นทั้งตัวรวมถึงท่อนำเสียง ดีไซน์มาในทรงหูฟัง In-Ear Monitor จับแล้วรู้สึกถึงการผลิตที่ดีมากครับ
• ส่วนของ Faceplate จะเป็นวัสดุเดียวกันกับตัว Housing มีการตีลวดลายลงในเนื้อ Faceplate โดยหูฟังข้าง L จะเป็นรูปตัว T ส่วนหูฟังข้าง R จะเป็นรูปคล้ายหมี ดูวัยรุ่นดีครับ
• ตรงท่อนำเสียงจะมีความยาว 3.52 มม. มีส่วนนูนขึ้นมาเพื่อใช้ล็อคตัวจุกหูฟังให้แน่นขึ้น รองรับจุกหูฟังเสริมเช่น Spinfit CP100 หรือจุกหูฟังโฟม ครับ
• ในท่อนำเสียงจะมีแผ่นกรองโลหะแบบหูฟังแพงๆเลยครับ

สายเคเบิ้ล (Cable)

• มาพร้อมกับสายเคเบิ้ลทองแดง Oxygen Free Copper ขั้ว 2 Pin ชุบเงิน แจ๊คขนาด 3.5 มม เข้าหัวด้วยโลหะ ส่วนของแจ๊คเคลือบทองครับ
• ตรงส่วนสายสำหรับคล้องหูจะหุ้มด้วยยาง PVC ครับ
• ตัวสายจะหุ้มด้วยวัสดุเส้นใยสังเคราะห์ Synthetic Fiber ผิวลื่น สวยงาม ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมมากๆครับ

ไดร์เวอร์ (Driver)

• ขับเคลื่อนด้วยไดร์เวอร์ไดนามิคขนาด 11.4 มม. ไดอะแฟมกราฟีนแกนแม่เหล็กคู่ มีเทคโนโลยีขับคลื่นความถี่แบบ 2 ทางครับ

การสวมใส่ (Fitting)

• วิธีการใส่คือนำส่วนขั้วสายหูฟังคล้องที่ใบหูของเราซะก่อน แล้วค่อยๆดันตัวหูฟังเข้าช่องหู บิดหมุนจนรู้สึกกระชับทั้งสองข้างครับ
• เท่าที่ทีมงาน 425° ทดลองสวมใส่พบว่า TFZ S2 Pro สวมใส่เบาสบาย กระชับ ไม่หลุดง่ายอย่างแน่นอนครับ
• ตัวหูฟังสามารถซีลกันเสียงภายนอกได้ดี ถ้าไปฟังในที่เสียงดังๆจะพบว่าเสียงรบกวนรอบๆตัวเบาลงเยอะแต่ก็ไม่ถึงขนาดเงียบสนิท ยังเห็นตัวเพลงได้ชัดเจนครับ

Gallery : 

คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการใช้งาน TFZ S2 Pro

• ก่อนทำการสวมใส่ ให้ลองใส่จุกหูฟังหลายๆขนาด จนเจอขนาดที่รู้สึกกระชับกับหูของเราที่สุดครับ
• ทดลองฟังทั้งจุกหูฟังรูแคบ (Narrow Nozzle Eartips) และจุกหูฟังรูกว้าง (Wide Nozzle Eartips) ที่แถมมากับกล่อง เพราะจุกหูฟังทั้งสองแบบจะให้เสียงและโทนที่ต่างกัน เลือกเอาแบบที่ชอบครับ
• หากใช้สายแปลงช่องเสียบหูฟังกับสมาร์ทโฟน โปรดใช้สายของแท้ที่มีคุณภาพ เพื่อให้ได้เสียงที่มีประสิทธิภาพสูงสุด สายแปลงที่เราแนะนำ Apple Lighting to Headphone Jack 3.5 mm, Apple USB-C to Headphone Jack 3.5 mm, VE Odyssey HD USB-C to Headphone Jack 3.5 mm.

Sound Review (เป็นความคิดเห็นของทีมงาน 425° นะครับ)

• ด้วย Fact ที่ TFZ S2 Pro นั้นให้จุกหูฟังมา 2 ชนิด ได้แก่จุกรูแคบและจุกรูกว้าง เท่าที่ทดสอบใส่จุกหูฟังทั้งสองแบบนั้นพบว่ามันให้เสียงที่ต่างกันพอสมควรเลย จึงขออนุญาติอธิบายเสียงของแต่ละจุกว่ามันมีความเหมือนความต่างกันยังไงบ้าง พร้อมทดสอบฟังกับจุกหูฟังเสริมดิ้นได้ Spinfit CP100 ซึ่งมีดังนี้ครับ..

การทดสอบ : iPhone 11 ต่อผ่าน Apple Lighting to 3.5 mm Headphone Jack, Tidal Hi-Fi คุณภาพการสตรีมระดับสูงสุด Volume ที่ระดับ 60%

จุกหูฟังรูแคบ (Narrow Nozzle Silicone Eartips)

• เสียงเบส : เสียง subbass หรือช่วง 90 hz ลงไปจะออกหนานุ่มและชัดเจนมาก มีอิมแพ็คที่นํ้าหนักกำลังดีและลงได้ลึกถึงลูกกระเดือก ได้ความตื่นเต้นและเร้าใจดีมาก เสียงหัวโน๊ตของเสียงเบสจะออกชัดปานกลาง หากอยากฟังจับต้องใช้การเพ่งฟังเล็กน้อย เสียงเบสให้เนื้อที่เนียนนุ่ม กระชับ สว่าง เสียงหัวไม้กลองออกเป็นตัวกลมๆ นับว่าเป็นเสียงเบสที่ฟังสบายและฟังสนุกในเวลาเดียวกันครับ
• เสียงกลาง : เสียงกลางจะออกในระดับปานกลาง ไม่เยอะและไม่น้อยจนเกินไป อยู่ในระดับที่ได้ยินอย่างชัดเจนโดยที่ไม่รู้สึกว่าอะไรหายไป เสียงโน๊ตออกจัดดี แต่ก็ไม่ถึงกับจัดจนฟังดูแต่งเติม เสียงร้องจะอยู่หน้าวงดนตรีนิดเดียว เสียงคำร้องออกชัดทุกถ้อยคำโดยที่ไม่โดนเสียงดนตรีอื่นๆกวน เสียงร้องให้ความรู้สึกปลอดโปร่ง มีปลายที่ทอดได้ไกลพอใช้ เนื้อเนียนนุ่มกำลังดีครับ
• เสียงแหลม : เสียงแหลมจะถอยหลังจากเสียงย่านอื่นๆ 1 ก้าว เสียงหัวโน๊ตหรือเสียงหัวไม้กลองออกชัดพอใช้ แต่ยังเห็นช่วงลำตัวและปลายที่ทอดได้ไกลพอใช้ เนื้อเสียงเนียนนุ่มและโทนสว่าง เป็นโทนเสียงที่ฟังได้นานโดยที่ไม่ล้าหู แต่เมื่อฟังกับบางเพลงที่มีโทนเสียงแหลมหลายๆเลเยอร์จะฟังดูสกปรกเล็กน้อยครับ
• เวทีเสียงและมิติ : เวทีเสียงให้ความกว้างจากซ้ายไปขวาได้กว้างปานกลาง และให้มิติลึก-ตื้นได้ดีมาก จะตื้นก็ตื้นจะลงลึกก็ลงสุดจนพอใจ รู้สึกปลอดโปร่งอย่างพอดิบพอดี การแยกมิติเสียงทำได้ดี เสียงเบสอยู่หลังสุดที่ไม่บังย่านเสียงที่อยู่สูงขึ้นไป ฟังดูโอบอุ้มกำลังแน่น ความห่างของเสียงดนตรีแต่ละชิ้นฟังกำลังรู้สึกถึงระยะห่างเล็กๆน้อยๆ แต่ช่วงเสียงแหลมอาจมีตีกันบ้างในบางเพลงครับ
• สรุปสั้นๆ : เบสหนักแน่น ลงลึก กระชับและนุ่มนวล อิมแพ็คกำลังดี กลางถอยหลัง ร้องชัดเจน แหลมถอยเล็กน้อย เวทีเสียงกว้างกำลังดี มิติกว้าง เห็นภาพชัดปานกลาง

จุกหูฟังรูกว้าง (Wide Nozzle Silicone Eartips)

• เสียงเบส : เสียง subbass หรือช่วง 90Hz ยังออกชัดเจนแต่รู้สึกกลวงกว่าใช้จุกหูฟังรูแคบ ความกระชับลดลง เสียงหัวโน๊ตเบสออกชัดปานกลางซึ่งต้องเพ่งฟังเล็กน้อย อิมแพ็คออกหนักพอดีแต่รู้สึกออกไม่เต็มใบเท่าจุกหูฟังรูแคบ แต่ยังรักษาระดับและความลึก-ตื้นได้ดี ยังได้ความตื่นเต้นเร้าใจอยู่ครับ
• เสียงกลาง : เสียงกลางฟังดูโปร่งขึ้นมาเล็กน้อย ยังคงมีมวลที่หนาระดับปานกลาง เสียงโน๊ตออกจัดเหมือนเดิม เสียงหัวโน๊ต ลำตัว และหางยังออกชัดเจนระดับปานกลาง เสียงร้องรู้สึกกระเถิบขึ้นมาข้างหน้าเล็กน้อย เสียงร้องได้ยินเต็มขึ้น ได้ยินเสียงลำตัวมากขึ้นและเสียงปลายที่ชัดเจนขึ้นครับ
• เสียงแหลม : เสียงแหลมจากเดิมที่ถอยหลังจะพุ่งจิกขึ้นมามากขึ้น ถ่ายทอดความสว่างและรายละเอียดเสียงดนตรีได้ชัดเจนขึ้น เสียงช่วงลำตัวยังคงชัดเจนเช่นเดียวกับปลายเสียงแต่รู้สึกได้ความเคลียร์ใสมากขึ้น เริ่มมีเสียงเสียดหูนิดหน่อยแต่รับได้ เสียงแหลมในบางเพลงที่เคยฟังดูสกปรกก็ยังคงเหมือนเดิมแต่รู้สึกดีกว่าฟังจากจุกหูฟังรูแคบครับ
• เวทีเสียงและมิติ : รู้สึกว่าเวทีเสียงรู้สึกกว้างขึ้นพอสมควรในแนวยาว ให้ความโปร่งขึ้น ยังคงมีมิติลึก-ตื้นที่ขึ้นสุดลงลึก การแยกมิติก็ฟังดูมีช่องวางน้อยๆถึงปานกลาง แต่พวกเสียงเล็กเสียงน้อยจะออกพร่าขึ้นนิดๆ แต่ยังได้ยินทุกเสียงชัดเจนครับ
• สรุปสั้นๆ : เบสลดลงและฟังดูกลวงขึ้นเล็กน้อย แต่ Subbass ยังออกหนานุ่มชัดเจน กลางกระเถิบขึ้นมามากขึ้น แหลมพุ่งขึ้นมาข้างหน้ามากขึ้น เวทีเสียงกว้างขึ้นในแนวยาว ยังรักษาความลึกตื้นได้ดี เสียงเล็กเสียงน้อยพร่านิดๆ แต่ยังได้ยินทุกเสียงอย่างชัดเจนครับ

จุกหูฟังเสริม Spinfit CP100 (จุกหูฟังเสริมไม่มีแถมมากับแพ็คเกจ TFZ S2 Pro)

• เมื่อใส่จุกหูฟังยอดนิยมอย่าง Spinfit CP100 พบว่าเสียงหัวโน๊ตของเบสออกชัดเจน อิ่มขึ้น อิมแพ็คออกหนักขึ้นและกระชับขึ้นมากโดยเฉพาะหัวโน๊ต คราวนี้เราจะได้ความ “ตุ้บๆ” ที่มากขึ้นกว่าใช้จุกหูฟังที่มากับกล่อง เสียงกลางไม่ต่างกับจุกหูฟังที่มากับกล่องมาก แต่เสียงแหลมรู้สึกมีปริมาณและความชัดใสที่เพิ่มขึ้น มีตำแหน่งที่เกือบจะระนาบเดียวกับเสียงย่านเบส ถ่ายทอดเสียงออกมาได้ชัดเจนขึ้น เห็นชัดขึ้นในขณะที่ยังฟังดูนุ่มนวลสบายหู เวทีเสียงกว้างปานกลางและการแยกชิ้นดนตรีที่ห่างกันเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับเบียดกันมากครับ
• สรุปสั้นๆ : เบสเด่นชัดขึ้น หัวโน๊ตออกชัด อิมแพ็คหนักสะใจขึ้น กลางเท่าเดิม แหลมถ่ายทอดรายละเอียดได้มากขึ้นแต่ยังคงความนุ่มนวล ฟังสบาย เวทีเสียงกว้างเท่าเดิม แยกชิ้นดนตรีได้ห่างเล็กน้อยฟังกำลังเหมาะสมครับ

จุกหูฟัง Spinfit CP100 ดียังไง..ตามไปอ่านได้ ที่นี่

เปรียบเทียบเสียง TFZ S2 Pro กับ KZ ZSN Pro

TFZ S2 Pro VS  KZ ZSN Pro (Stock)

• KZ ZSN Pro และ TFZ S2 Pro จะให้ความละเอียดเสียงและปริมาณที่ใกล้เคียงกันพอสมควร เสียงเบสของ KZ ZSN Pro จะมีมวลที่เบาบางกว่า TFZ S2 Pro พอสมควร รู้สึกว่าเสียงเบสของ TFZ S2 Pro จะออกกระแทกหน้าและลงได้ลึกกว่า แต่เสียงกลางของ TFZ S2 Pro จะค่อนข้างหม่น ทำให้รายละเอียดเล็กๆน้อยๆกลับรู้สึกได้ยากกว่า KZ ZSN Pro ซึ่งจะว่าไปมันฟังสนุกทั้งคู่เลยนะครับ มันอยู่ที่ความชอบของโทนเสียมากกว่าว่าชอบแบบไหน ถ้าชอบสว่างๆ อิมแพ็คหนักๆ ปลายคมๆ KZ ZSN Pro ชนะเลย แต่ถ้าเป็นคนเสพเบส ชอบเสียงดาร์คๆขุ่นๆ เสียงปลายนุ่มๆแต่ยังได้รายละเอียด TFZ S2 Pro ชนะครับ

TFZ S2 Pro VS KZ ZSN Pro (KZ Cable Upgraded)

• เมื่ออัพเกรดสายให้กับ KZ ZSN Pro เราจะได้ความอวบอิ่ม ความหนา การขยายตัว และการตอบสนองที่รวดเร็ว ซึ่งถ้าวัดเฉพาะเสียงเบส KZ ZSN Pro อาจจะยังให้เบสได้ไม่ลุ่มลึกและสะใจเท่า TFZ S2 Pro แต่ถ้าเป็นคนฟังเพลงติดกลาง-แหลมคมๆ โทนสว่างๆ การจับ KZ ZSN Pro มาอัพเกรดสายก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า แต่หากต้องการจะอัพเกรด KZ ZSN Pro เพื่อให้ได้เสียงเบสที่มีน้าหนักเท่า TFZ S2 Pro อาจไม่ใช่ทางเลือกที่คุ้มค่านักครับ

อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับ KZ ZSN Pro ได้ ที่นี่

กราฟการ Upgrade สาย KZ พร้อมเปรียบเทียบหูฟังกับรุ่นอื่นๆ (เป็นความคิดเห็นของทีมงาน 425° นะครับ)

การประกอบสายกับหูฟัง

1. ทำการตรวจเช็คขั้วสายหูฟัง โดยขั้วสายข้างซ้ายจะมีตัวอักษร L และขั้วสายข้างขวาจะมีตัวอักษร R เช่นเดียวกับตัวหูฟังข้างซ้ายจะมีตัวอักษร L และข้างขวาจะมีตัวอักษร R ตัวอักษรจะอยู่บริเวณใกล้ท่อนำเสียงครับ
2. จับตัวหูฟังโดยให้ส่วนปลายแหลมทิ่มลงพื้น หันหน้าส่วนที่เป็น Faceplate เข้าหาตัว หากท่อนำเสียงและช่องเสียบขา 2 Pin ชี้หรือหันไปข้างขวามือของเรา แสดงว่าตัวหูฟังจะเป็นข้างขวา หากชี้หรือหันไปทางซ้าย แสดงว่าหูฟังเป็นข้างซ้ายครับ
3. ให้ทำการเสียบขั้วสาย โดยข้าง L เสียบกับตัวหูฟังข้างซ้าย และข้าง R เสียบกับตัวหูฟังข้างขวา โดยให้ขั้วสายชี้ขึ้นด้านบน ทำกับอีกข้างเช่นเดียวกันเป็นอันเสร็จสิ้นการประกอบสายกับหูฟังครับ

วิธีการเบิร์นหูฟัง

1. เปิดเพลงแนวที่ท่านชอบกับหูฟังใน Volume ระดับปกติหรือดังกว่าเล็กน้อยทิ้งไว้ตามเวลาที่ท่านสะดวก หรือจะเปิดเพลงทิ้งไว้ก่อนนอนแล้วนับชั่วโมงเวลาที่ท่านได้นอนไปตอนท่านตื่น ทำอย่างนี้ทุกวันท่านจะเริ่มเห็นพัฒนาการเสียงของหูฟังครับ
2. แต่หากไม่ซีเรียส ท่านสามารถใส่เปิดฟังไปเรื่อยๆและเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีในการเบิร์นหูฟังครับ
3. ไม่แนะนำให้ใช้คลื่นเสียง Sine Wave Sweeping หรือคลื่นเสียง Shape อื่นๆเพราะอาจเป็นอันตรายต่อดอกลำโพงได้ครับ
4. การเบิร์นหูฟังโดยปกติเฉลี่ยแล้วจะเบิร์นกันแถวๆ 100-200 ชั่วโมง จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับหูฟังตัวนั้นๆครับ

วิธีการดูแลรักษา TFZ S2 Pro

• ไม่ควรเก็บหูฟังไว้ในที่ที่ร้อนจัดหรือชื้นจัดครับ
• ขณะหูฟังห้อยคออยู่พยายามอย่าทำตัวหูฟังตกกระแทกพื้น เพราะอาจทำให้ตัว Housing หรือวงจรภายในเสียหายได้
• ควรหากล่องเก็บหูฟังประเภทพลาสติกแข็งใส่หูฟัง ซึ่งจะปกป้องหูฟังได้ดีกว่าใส่ในช่องกระเป๋าสะพายหรือกระเป๋ากางเกงครับ
• ไม่ควรใส่หูฟังวิ่งตากฝน เพราะจะทำให้อายุการใช้งานหูฟังลดลงครับ

Product Include (อุปกรณ์ภายในกล่อง)

• หูฟัง TFZ S2 Pro จำนวน 1 คู่
• สายเคเบิ้ลทองแดงชุบเงิน ขั้ว 2 Pin จำนวน 1 เส้น
• จุกหูฟังซิลิโคนรูกว้าง 3 ขนาด ขนาดละ 1 คู่ รวม 3 คู่ (S/M/L)
• จุกหูฟังซิลิโคนรูแคบ 4 ขนาด ขนาดละ 1 คู่ รวม 4 คู่ (S/M/L/LL)
• ถุงหูรูดสำหรับเก็บหูฟัง จำนวน 1 ถุง
• คลิปหนีบหูฟังกับเสื้อ จำนวน 1 อัน
• คู่มือการใช้งาน

Warranty (เงื่อนไขประกันสินค้า)

• รับประกัน 1 ปี เงื่อนไขเป็นไปตามที่ TFZ กำหนด
• *** ในส่วนของอะไหล่(จุกหูฟังทุกแบบ,สายเคเบิ้ล และอุปกรณ์อื่นๆ) ที่มากับตัวหูฟังจะมีระยะประกัน 3 เดือน
• คุณลูกค้าต้องเก็บตัวสินค้าไว้ให้ครบไม่ว่าจะเป็น กล่อง/ซองแพคเกจจิ้ง, ตัวหูฟัง, จุกหูฟัง รวมไปถึง คู่มือการใช้งาน
• หากตัวสินค้าเสียหายจากขั้นตอนการผลิตของทางโรงงาน ยินดีเปลี่ยนตัวใหม่ให้ทันที
• สินค้าต้องไม่มีตำหนิจากการใช้งานผิดวิธี, ตำหนิเสียหายจากการใช้งานของลูกค้า, ร่องรอยการกระแทก หรือการขูดขีดอย่างรุนแรง หรือคราบนํ้าข้างในตัวหูฟังครับ
• หากเป็นปัญหาจากการใช้งานของคุณลูกค้าไม่ว่าจะเป็น สายขาดใน, แจ็คหัก, เปิดเสียงดังจนเสียงแตก, เบิร์นหูฟังผิดวิธี(ใช้แอพเบิร์นหรือคลื่นเสียงประเภท Sine Sweep, Pink Noise, White Noise) จนหูฟังเสียหาย จะไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกันครับ