TFZ 2019 Mylove Edition

หูฟัง In-Ear Monitor ขั้ว 2 Pin

เบสตุ้บตั้บ มิติสุดจัด

425° Recommend

• TFZ 2019 Mylove Edition หูฟัง In-Ear Monitor ที่ผู้ผลิตเคลมว่าพัฒนามาจากหูฟังรุ่นเรือธงที่โด่งดังและถูกพูดถึงมากๆ ซึ่งนั่นก็คือ TFZ King Pro ครับ
• TFZ 2019 Mylove Edition สำหรับทีมงาน 425° มันคือหูฟังที่ครบเครื่อง ไม่ว่าจะให้ซาวด์ที่ออก V-Shape เบสหนักแหลมเด่นและนุ่มนวล เสียงกลางโปร่งๆ เวทีเสียงและมิตินั้นเรียกว่าดีมากๆ เพราะมันให้สเตอริโออิมเมจได้เหมือนเรายืนฟังกับลำโพง Book Shelf เลยทีเดียวครับ
• การออกแบบของ TFZ 2019 Mylove Edition จะแทบไม่ต่างกับ TFZ S2 Pro เลย ซึ่งนั่นก็คือ Housing ขึ้นรูปด้วยพลาสติกแข็งเคลือบเงา สกรีนโลโก้ TFZ เท่ๆบนหูฟังทั้ง L และ R
• มีการเลือกใช้วัสดุที่มีความเหมือนกับ “เพรช” มาตกแต่งแทนน๊อตที่ใช้ยืด Faceplate กับ Housing ด้วย ซึ่งอาจจะถูกอกถูกใจคุณผู้หญิงดีครับ
• ยังคงมาพร้อมกับสายทองแดงชุบเงินหุ้มด้วย Synthetic Fiber แบบ OFC ซึ่งให้สัมผัสที่ไหลลื่นเนียนมือ ไม่เหนียวเหนอะหนะ จับแล้วรู้สึกดีครับ
• ของแถมเพียบ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าหูรูดเอาไว้เก็บหูฟัง ตีนตุ๊กแกเอาไว้ม้วนจัดเก็บสาย หรือแม้แต่คลิปหนีบสาย Cable กับเสื้อก็ยังมีเลยครับ
• หากใครไม่พอใจสายเคเบิ้ลก็สามารถถอดสายอัพเกรดได้ครับ

Product Highlight

• ได้รางวัล VGP Award Digital Audio Industries
• หูฟัง In-Ear Monitor พัฒนาต่อยอดมาจากหูฟังเรือธง TFZ King Pro
• Housing ขึ้นรูปด้วยพลาสติกแข็งเคลือบเงา น๊อตยึด Faceplate ตกแต่งด้วยวัสดุคล้ายเพรช
• สายเคเบิ้ลทองแดงชุบเงิน ขั้ว 2 Pin หนา 0.78 มม. หุ้มด้วยวัสดุ Synthetic Fiber
• ไดร์เวอร์ Double Magnetic Circuit Graphene Dynamic ขนาด 12 มม. พร้อมเทคโนโลยีขับย่านความถี่แบบ 2 ทาง (Two Devided Frequency Technology)

Product Specification (ข้อมูลจากคู่มือภายในกล่อง)

• แบรนด์ : TFZ (The Fragrant Zither)
• รุ่น : 2019 Mylove Edition
• ดีไซน์ : In-Ear Monitor
• ไดร์เวอร์ : Double Magnetic Circuit Graphene Dynamic ขนาด 12 มม. พร้อมเทคโนโลยีขับเสียงย่านความถี่แบบ 2 ทาง (Two Devided Frequency Technology) Gen 2
• ความถี่ที่ตอบสนอง : 5Hz-40kHz
• ความต้านทาน : 55 โอห์ม
• ความเร็วในการตอบสนอง : 108dB/mW
• สาย Cable : สายทองแดงชุบเงินหุ้ม Synthetic Fiber ขั้ว 2 Pin หนา 0.78 มม.
• การเชื่อมต่อ : แจ๊คขนาด 3.5 มม.
• ความยาวสาย : ยาว 1.2 เมตร
• นํ้าหนัก : 4 กรัม (หูฟังต่อข้าง), 20 กรัม (สายเคเบิ้ล)

ดีไซน์และวัสดุ (Design & Material)

หูฟัง (Housing)

• Housing ขึ้นรูปด้วยพลาสติกแข็งเนื้อดี เคลือบเงาเสริมความพรีเมี่ยมเพื่อสัมผัสที่ดีขณะหยิบจับ
• ส่วนของ Faceplate มีการสกรีนลงเนื้อวัสดุเป็นโลโก้ TFZ สุดเท่ที่หูฟังข้างซ้าย และสกรีนโลโก้ Z ที่หูฟังข้างขวา เพื่อความสวยงามขณะสวมใส่
• ในช่องท่อนำเสียงมีแผ่นตะแกรงกันสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในตัวหูฟัง เป็นแผ่นกรองชนิดโลหะ เงางาม งานประกอบแนบชิดกับขอบสนิทอย่างไร้ที่ติ
• ตัวหูฟังทั้งสองข้างมีนํ้าหนักรวมกันเพียง 8 กรัมเท่านั้น ใส่แล้วเบาศรีษะ ขยับหันซ้ายหันขวาสะดวกและคล่องแคล่วมากๆครับ

สายเคเบิ้ล (Cable)

• สาย Cable ที่แถมมากับตัวกล่องก็ให้ความรู้สึกที่พรีเมี่ยม สัมผัสลื่นมือไม่เหนียวเหนอะหนะ ตัว Splitter สายแยก L และ R ใช้วัสดุโลหะสกรีนโลโก้ TFZ ลงไป ส่วนหัวแจ๊คเข้าหัวด้วยเหล็ก หัวแจ๊คเคลือบทองครับ
• สายข้างในเป็นสายทองแดงชุบเงิน 2 เส้นหุ้มด้วยฉนวน Synthetic Fiber ขั้ว 2 Pin มีตีนตุ๊กแกสำหรับม้วนสายเก็บติดมาให้ด้วย สะดวกสบายมากๆครับ

ไดร์เวอร์ :

• TFZ 2019 Mylove Edition ใช้ไดร์เวอร์ Double Magnetic Circuit Graphene Dynamic ขนาด 12 มม. พร้อมเทคโนโลยีขับเสียงย่านความถี่แบบ 2 ทาง (Two Devided Frequency Technology) เพื่อให้ได้เสียงเบสที่ลงลึก หนา และมีมิติที่สมจริงครับ

การสวมใส่ (Fitting)

• ต้องบอกว่าการสวมใส่นั้นแทบให้ฟิลเดียวกับ TFZ S2 Pro ครับ
• ตัวหูฟังมีความกระชับและเกาะหูได้ดีอยู่แล้ว เพราะเป็นทั้ง In-Ear ที่ใส่สบายและกระชับ และมีส่วนคล้องหูช่วยสนับสนุนเพิ่มเติมอีก ไม่หลุดแน่นอนครับ
• ตัวหูฟังสามารถกันเสียงภายนอกได้ดีเหมือนๆกับตัว TFZ S2 Pro ยิ่งเปิดเพลงด้วยยิ่งแทบไม่ได้ยินเสียงโลกภายนอกเลยครับ
• สามารถใส่เป็นระยะเวลานานๆได้อย่างไม่หนักหูมาก จะเริ่มล้าหูเล็กน้อยก็ช่วงชั่วโมงที่ 4 ขึ้นไป ซึ่งคนส่วนใหญ่ใส่หูฟังเฉลี่ยวันละไม่เกิน 3 ชั่วโมงอยู่แล้ว ซึ่งถือว่าสบายๆครับ

คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการใช้งาน TFZ 2019 Mylove Edition

• ก่อนทำการสวมใส่ ให้ลองใส่จุกหูฟังหลายๆขนาด จนเจอขนาดที่รู้สึกกระชับกับหูของเราที่สุดครับ
• ทดลองฟังทั้งจุกหูฟังรูแคบ (Narrow Nozzle Eartips) และจุกหูฟังรูกว้าง (Wide Nozzle Eartips) ที่แถมมากับกล่อง เพราะจุกหูฟังทั้งสองแบบจะให้เสียงและโทนที่ต่างกัน เลือกเอาแบบที่ชอบครับ
• หากใช้สายแปลงช่องเสียบหูฟังกับสมาร์ทโฟน โปรดใช้สายของแท้ที่มีคุณภาพ เพื่อให้ได้เสียงที่มีประสิทธิภาพสูงสุด สายแปลงที่เราแนะนำ Apple Lightning to Headphone Jack 3.5 mm, Apple USB-C to Headphone Jack 3.5 mm, VE Odyssey HD USB-C to Headphone Jack 3.5 mm.

การประกอบสายกับหูฟัง (Earphone Assembling)

1. ทำการตรวจเช็คขั้วสายหูฟัง โดยขั้วสายข้างซ้ายจะมีตัวอักษร L และขั้วสายข้างขวาจะมีตัวอักษร R เช่นเดียวกับตัวหูฟังข้างซ้ายจะมีตัวอักษร L และข้างขวาจะมีตัวอักษร R ตัวอักษรจะอยู่บริเวณใกล้ท่อนำเสียงครับ
2. จับตัวหูฟังโดยให้ส่วนปลายแหลมทิ่มลงพื้น หันหน้าส่วนที่เป็น Faceplate เข้าหาตัว หากท่อนำเสียงและช่องเสียบขา 2 Pin ชี้หรือหันไปข้างขวามือของเรา แสดงว่าตัวหูฟังจะเป็นข้างขวา หากชี้หรือหันไปทางซ้าย แสดงว่าหูฟังเป็นข้างซ้ายครับ
3. ให้ทำการเสียบขั้วสาย โดยข้าง L เสียบกับตัวหูฟังข้างซ้าย และข้าง R เสียบกับตัวหูฟังข้างขวา โดยให้ขั้วสายชี้ขึ้นด้านบน ทำกับอีกข้างเช่นเดียวกันเป็นอันเสร็จสิ้นการประกอบสายกับหูฟังครับ

Gallery :

Sound Review (เป็นความคิดเห็นของทีมงาน 425° นะครับ)

• เหมือนเดิมครับ..ตามสไตล์ TFZ ซึ่งในรุ่น My Love Edition 2019 มีการแถมจุกหูฟังซิลิโคนมาด้วยกัน 2 แบบ ได้แก่จุกหูฟังรูแคบ (Narrow Nozzle Silicone Eartips) และจุกหูฟังรูกว้าง (Wide Nozzle Silicone Eartips) ซึ่งทั้งสองแบบให้เสียงที่ต่างกันพอสมควร ผมจะมารีวิวจุกหูฟังทั้งสองแบบว่ามันให้เสียงต่างกันมากน้อยแค่ไหน รวมถึงจับเจ้า 2019 My Love Edition ใส่กับ Spinfit CP100 จุกหูฟังดิ้นได้มูลค่า 400 กว่าบาทว่าคุ้มไหมที่จะซื้อจุกเสริมเพื่ออัพเกรดเสียงให้สุดจัดขึ้นไปอีก ไปดูกันเลยครับ..

จุกหูฟังรูแคบ (Narrow Nozzle Silicone Eartips)

• เสียงเบส : อิมแพ็คของเสียงเบสฉายแสงมาแต่ไกลเลยครับ มีนํ้าหนักและแรงปะทะที่นุ่มลึกและขนาดใหญ่ในแนวซ้าย-ขวามากๆ รู้สึกเหมือนไปดู Concert ใน Hall ยืนกลางเวที แล้วเสียงกระเดื่องกลองกระแทกตุ้บๆใส่เรา ยิ่งบางเพลงที่มีเสียงย่านตํ่าจัดๆจะยิ่งรู้สึกแรงกระแทกลงลึกไปถึงหน้าอกเลยล่ะครับ โทนของเสียงย่านตํ่าจะค่อนข้างหม่นพอสมควร แต่ยังสามารถถ่ายทอดสำเนียงและความชัดของหัวโน๊ตออกมาได้อย่างดี มีความกระชับและรวบตัวเก็บได้เรียบร้อย หากใครชอบเบสจัดๆ หนักๆ ลงลึกๆ ลูกใหญ่ๆ ต้องโดนเลยครับ
• เสียงกลาง : เริ่มจากเสียงร้องก่อนเลยครับที่มีความชัดถ้อยชัดคำและถ่ายทอดคาแรคเตอร์เสียงคนร้องออกมาได้ดี เสียงร้องจะอยู่เลยวงดนตรีออกมาพอสมควรแต่ก็ไม่ถึงขนาดฟังดูลอยจนเกินไป เสียงร้องผู้ชายอวบอิ่มและหนักแน่นดีแต่เสียงร้องผู้หญิงอาจมีปลายเสียงที่ฟังดูหยาบบางนิดนึงหากร้องขึ้นเสียงสูง เสียงร้องจะให้โทนสว่างกลางๆ นุ่มนวล และให้ความรู้สึกอุ่นๆดีครับ
• เสียงแหลม : เสียงแหลมจะถอยหลังเล็กน้อยแต่ยังได้ความชุ้งชิ้งกรุ๊งกริ๊งอยู่บางๆ ฟังกำลังสบายหู สามารถถ่ายทอดรายละเอียดไม่ว่าจะเสียงเล็กเสียงน้อยไปจนถึงเสียงใหญ่ๆก็สามารถได้ยินได้ง่ายๆอย่างไม่ต้องเพ่ง เสียง resonance ของเสียงร้องหรือเสียง ซ โซ่และฟ ฟัน ก็ชัดเจน สัมผัสนุ่ม ไม่ค่อยกวนหูเท่าไหร่ นับว่าเสริมให้ตัวเพลงดูมีสีสันได้ดีทีเดียวครับ
• เวทีเสียง&มิติ : เวทีเสียงวัดจากซ้ายไปขวาค่อนข้างกว้างทีเดียวครับ ฟังกำลังได้อารมณ์ การแยกมิติเสียงดนตรีสามารถทำได้ดีพอสมควรเลย เราสามารถรับรู้ถึงตำแหน่งเสียงดนตรีได้ง่ายอย่างไม่ต้องเพ่ง ไม่ว่าจะอยู่บริเวณเฉียงซ้าย ซ้ายสุด หรือกึ่งๆระหว่างกลางกับขวา และดูมีระยะห่างกันดีในระหว่างชิ้นดนตรี ให้ภาพรวมที่กลมกล่อมมากๆครับ
• สรุปสั้นๆ : เสียงเบสจัดจ้าน ลงลึก ลูกโตเหมือนยืนใน Hall แรงปะทะหนักหน่วงฮาร์ดคอร์ เสียงร้องชัดเจน รีดสำเนียงคนร้องออกมาได้ดี อยู่หน้าวงดนตรี เสียงแหลมนุ่มนวลแต่ไม่ทิ้งรายละเอียด มีเสียงหยาบๆและเสียดหูเล็กน้อย เวทีเสียงกว้างฟังกำลังได้อารมณ์ แยกมิติได้ดี ตำแหน่งไหนก็รับรู้ได้ง่าย มีระยะห่าง กำลังกลมกล่อม

จุกหูฟังรูกว้าง (Wide Nozzle Silicone Eartips)

• เสียงเบส : เสียงหัวโน๊ตของเสียงเบสจะเลือนลางไปพอสมควร แต่ยังได้ยินเสียง Deepbass ที่รองพื้นหลังได้อย่างชัดเจนเท่าๆกับจุกหูฟังรูแคบ มีความหนาและลงได้ลึก ลูกโต เสียงเบสในจุกหูฟังรูกว้างจะอยู่ห่างจากตัวพอสมควร แต่ยังได้ความหนาแน่นของภาคเสียงเบสได้อย่างดี แรงปะทะยังกระแทกกระทั้นได้แรงพอๆกับใส่จุกหูฟังรูแคบเลยครับ
• เสียงกลาง : เสียงกลางพุ่งขึ้นมาข้างหน้ามากขึ้น มองเห็นรายละเอียดที่ชัดเจนขึ้นพอสมควร มีตำแหน่งอยู่หน้าวงดนตรี รู้สึกว่าเสียงร้องมีภาพที่ใหญ่ขึ้น และได้ยินเสียงช่วงปลายถนัดขึ้น สามารถเสพเสียงร้องได้เร้าใจมากขึ้นครับ
• เสียงแหลม : เสียงแหลมจากเดิมที่เคยถอยหลังรู้สึกพุ่งขึ้นมาข้างหน้ามากขึ้น รู้สึกถึงปริมาณเสียงแหลมที่เพิ่มขึ้น เสียง resonance ของเสียงร้องเริ่มมีหัวแหลมๆและปลายชุ้งชิ้งออกมาให้ได้ยินมากขึ้น เห็นได้ชัดเลยว่าเมื่อใส่จุกรูกว้างเสียงแหลมจะพุ่งมาข้างหน้า ส่งผลให้ภาพรวมของเพลงดูสว่างขึ้นครับ
• เวทีเสียง&มิติ : เวทีเสียงกว้างเหมือนเดิม แต่รู้สึกโปร่งขึ้นมาเล็กน้อย การแยกตำแหน่งเสียงดนตรีสามารถทำได้ดีเหมือนเดิมแบบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ฟังจับตำแหน่งเสียงเครื่องดนตรีต่างๆได้ง่าย และฟังดูมีระยะห่างกันดีครับ
• สรุปสั้นๆ : เสียงหัวโน๊ตเบสถอยหลัง Subbass ยังคงออกหนา อิมแพ็คตุ้บตั้บสะใจ เสียงร้องโดดเด่นเป็นสง่ามากขึ้น เสียงแหลมพุ่งชัดแหลมคมมากขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมของเพลงดูสว่างขึ้น เวทีเสียงกว้าง และการแยกมิติของตำแหน่งเสียงดนตรีต่างๆสามารถทำได้ดี ฟังจับง่าย และดูมีช่องไฟครับ

จุกหูฟังเสริม Spinfit CP100 (จุกหูฟังเสริมไม่มีแถมมาในกล่อง TFZ 2019 My Love Edition)

• เมื่อใช้ TFZ 2019 My Love Edition นอกจากจะใส่สบายกว่าจุกที่แถมมากับกล่องแล้ว ยังให้ความความหนาแน่นของเบสและขับออกมาได้อย่างหมดจด เพราะด้วยลักษณ์ของ Spinfit CP100 จะเป็นจุกหูฟังที่หมุนดิ้นได้ ทำให้สามารถซิกแซกเข้าช่องหูที่มีความคดเคี้ยวได้ดีกว่าจุกหูฟังทั่วไป มีความกระชับ และได้เสียงที่เต็มหูมากกว่าจุกหูฟังทั่วไปครับ

จุกหูฟัง Spinfit CP100 ดียังไง..ตามไปอ่านได้ ที่นี่

TFZ S2 Pro VS TFZ 2019 My Love Edition ราคาต่างกัน 400 บาท เลือกตัวไหนดี ?!

• โทนเสียงของ TFZ S2 Pro และ TFZ 2019 My Love Edition สำหรับผมมันเหมือนฝาแฝดที่มีโทนเสียงใกล้ๆกัน พูดสำเนียงเดียวกัน แต่ต่างกันที่การแสดงอารมณ์ออกมา ผมจะขออธิบายสั้นๆ ง่ายๆ ว่าหากคุณลูกค้าเลือกตัวไหน คุณลูกค้าจะได้โทนเสียงเด่นๆอะไรจากตัวนั้นบ้าง ตามไปดูกันเลยครับ
• หากคุณเลือก TFZ S2 Pro : คุณจะได้หูฟังเบสตุ้มๆ มวลเสียงหนาๆและลงได้ลึก เสียงกลางถ่ายทอดได้ชัดเจน เสียงร้องชัดและโดดเด่นกำลังดี เสียงแหลมมีความกรุบกรอบเล็กๆและมีรายละเอียดที่ดี มีเวทีเสียงที่กว้างกำลังดี เสียงดนตรีต่างๆดูเกาะๆกันอย่างกลมเกลียว ฟังสนุกเร้าใจครับ
• หากคุณเลือก TFZ 2019 Mylove Edition : คุณจะได้หูฟังเบสตุ้บตั้บ มวลเสียงเบสหนา ลงลึกลูกใหญ่ เสียงกลางโปร่งพอสมควร เสียงร้องชัดเจนกำลังดี เสียงแหลมจะฟังดูนุ่มหู ไม่รุกเร้ามาก แต่ยังมีรายละเอียดครบครัน เวทีเสียงกว้างปานกลางเกือบถึงมาก และการแยกมิติตำแหน่งเสียงดนตรีให้ช่องว่างที่เยอะกว่า ให้อารมณ์เหมือนยืนฟังเพลงจากลำโพงตู้ในห้องมากกว่าครับ
• สรุป : หากใครชอบเสียงครบๆ กรอบๆกรุ้งกริ้งๆ TFZ S2 Pro จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับท่าน แต่หากใครเป็นคนชอบมิติเสียงดีๆ โปร่งโล่ง เสียงแหลมนุ่มนวลฟังสบายหู มีสเตอริโออิมเมจที่เหมือนฟังจากลำโพงตู้ TFZ 2019 Mylove Edition คือตัวเลือกที่เหมาะสมครับ

อ่านรีวิว TFZ S2 Pro ได้ ที่นี่

KZ ZS10 Pro + (สายเดิม) VS TFZ 2019 Mylove

• หากจะวัดกันเรื่องขนาดและปริมาณ ทั้ง KZ ZS10 Pro และ TFZ 2019 Mylove ไม่ได้หนีห่างกันมาก แต่ต่างกันที่โทนเสียงและอารมณ์ หากใครเป็นคนชอบกลางและแหลมสว่างๆ หัวคมๆจิกๆ ปลายทอดฟรุ๊งฟริ๊ง KZ ZS10 Pro คือคำตอบครับ แต่หากใครชอบเสียงเบสลูกใหญ่ๆ ลงได้ลึก และเป็นเสียงเบสที่มีพื้นที่ กลางแหลมหม่นนุ่มๆหูแต่ยังได้ความเร็วในการตอบสนองที่ไว หัวเสียงชัดพอประมาณ TFZ 2019 Mylove คือคำตอบเลยครับ

KZ ZS10 Pro + (KZ Upgrade Cable) VS TFZ 2019 Mylove

• แม้ KZ ZS10 Pro ใส่สายอัพเกรดจะให้เสียงที่อวบอ้วน อวบอิ่ม กลางหนา แหลมคมใส ซึ่งเข้าใกล้และเกือบที่จะทัดเทียมในเรื่องของปริมาณและความสะใจกับ TFZ 2019 Mylove ได้ แต่ทั้งสองก็ยังให้โทนกันคนละรสชาติอยู่ดี ซึ่งหากฟังติดกลางและแหลม บสอิมแพ็คหนักกำลังดี โทนสว่างใส KZ ZS10 Pro + สายอัพเกรด เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าชอบเสียงเบสหนักๆ ลงลึกลูกใหญ่ แหลมนุ่มหัวเสียงคมพอประมาณแต่ได้รายละเอียด โทนเสียงดาร์คๆ TFZ 2019 Mylove จะตอบสนองเสียงแนวๆนั้นได้ดีกว่า KZ Zs10 Pro + สายอัพเกรดครับ

อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับ KZ ZS10 Pro 5 ไดร์เวอร์ได้ ที่นี่

กราฟการ Upgrade สาย KZ พร้อมเปรียบเทียบหูฟังกับรุ่นอื่นๆ (เป็นความคิดเห็นของทีมงาน 425° นะครับ)

วิธีการเบิร์นหูฟัง

1. เปิดเพลงแนวที่ท่านชอบกับหูฟังใน Volume ระดับปกติหรือดังกว่าเล็กน้อยทิ้งไว้ตามเวลาที่ท่านสะดวก หรือจะเปิดเพลงทิ้งไว้ก่อนนอนแล้วนับชั่วโมงเวลาที่ท่านได้นอนไปเมื่อตอนท่านตื่น ทำอย่างนี้ทุกวันท่านจะเริ่มเห็นพัฒนาการเสียงของหูฟังครับ
2. แต่หากไม่ซีเรียส ท่านสามารถใส่เปิดฟังไปเรื่อยๆและเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีในการเบิร์นหูฟังครับ
3. ไม่แนะนำให้ใช้คลื่นเสียง Sine Wave Sweeping หรือคลื่นเสียง Shape อื่นๆเพราะอาจเป็นอันตรายต่อดอกลำโพงได้ครับ
4. การเบิร์นหูฟังโดยปกติเฉลี่ยแล้วจะเบิร์นกันแถวๆ 100-200 ชั่วโมง จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับหูฟังตัวนั้นๆครับ

วิธีการดูแลรักษา TFZ 2019 My Love Edition

1. ไม่ควรเก็บหูฟังไว้ในที่ที่ร้อนจัดหรือชื้นจัดครับ
2. ขณะหูฟังห้อยคออยู่พยายามอย่าทำตัวหูฟังตกกระแทกพื้น เพราะอาจทำให้ตัว Housing หรือวงจรภายในเสียหายได้
3. ควรหากล่องเก็บหูฟังประเภทพลาสติกแข็งใส่หูฟัง ซึ่งจะปกป้องหูฟังได้ดีกว่าใส่ในช่องกระเป๋าสะพายหรือกระเป๋ากางเกงครับ
4. ไม่ควรใส่หูฟังวิ่งตากฝน เพราะจะทำให้อายุการใช้งานหูฟังลดลงครับ
5. หมั่นถอดจุกหูฟังและขั้วสาย 2 Pin ออกมาเช็ดด้วยผ้าหมาดๆ (ไม่ควรใช้ผ้าเปียกเกินไปเช็ด) เพราะคราบเหงื่อสะสมที่เกิดจากการใช้งานในชีวิตประจำวันอาจทำให้ช่องเสียบสกปรก เป็นเหตุให้สัญญาณเกิดติดๆดับๆได้ครับ

Product Include (อุปกรณ์ภายในกล่อง)

• หูฟัง TFZ 2019 My Love Edition จำนวน 1 คู่
• สาย Cable ทองแดงชุบเงิน ขั้ว 2 Pin จำนวน 1 เส้น
• จุกหูฟังซิลิโคนรูกว้าง 3 ขนาด ขนาดละ 1 คู่ รวม 3 คู่ (S/M/L)
• จุกหูฟังซิลิโคนรูแคบ 4 ขนาด ขนาดละ 1 คู่ รวม 4 คู่ (S/Mx2/L)
• ถุงหูรูดสำหรับเก็บหูฟัง จำนวน 1 ถุง
• คลิปหนีบหูฟังกับเสื้อ จำนวน 1 อัน
• คู่มือการใช้งาน

Warranty (เงื่อนไขประกันสินค้า)

• รับประกัน 1 ปี เงื่อนไขเป็นไปตามที่ TFZ กำหนด
• *** ในส่วนของอะไหล่(จุกหูฟังทุกแบบ,สายเคเบิ้ล และอุปกรณ์อื่นๆ) ที่มากับตัวหูฟังจะมีระยะประกัน 3 เดือน
• คุณลูกค้าต้องเก็บตัวสินค้าไว้ให้ครบไม่ว่าจะเป็น กล่อง/ซองแพคเกจจิ้ง, ตัวหูฟัง, จุกหูฟัง รวมไปถึง คู่มือการใช้งาน
• หากตัวสินค้าเสียหายจากขั้นตอนการผลิตของทางโรงงาน ยินดีเปลี่ยนตัวใหม่ให้ทันที
• สินค้าต้องไม่มีตำหนิจากการใช้งานผิดวิธี, ตำหนิเสียหายจากการใช้งานของลูกค้า, ร่องรอยการกระแทก หรือการขูดขีดอย่างรุนแรง หรือคราบนํ้าข้างในตัวหูฟังครับ
• หากเป็นปัญหาจากการใช้งานของคุณลูกค้าไม่ว่าจะเป็น สายขาดใน, แจ็คหัก, เปิดเสียงดังจนเสียงแตก, เบิร์นหูฟังผิดวิธี(ใช้แอพเบิร์นหรือคลื่นเสียงประเภท Sine Sweep, Pink Noise, White Noise) จนหูฟังเสียหาย จะไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกันครับ