Genius Keyboard Case Folio Pro II

( เคสคีย์บอร์ด iPad Pro 11 (2022)/(2021)/(2020)/(2018) / iPad Air 11" (2024) / iPad Air 5 (2022) / iPad Air 4 (2020) )

425Degree Recommend

Genius Keyboard Case Folio Pro II เคสคีย์บอร์ดรุ่นอัพเกรดใหม่ ประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า Trackpad กว้างขึ้น 50% ใหญ่กว่าของ Magic Keyboard, เพิ่มปุ่มเป็น 6 แถว กดคีย์ลัดได้สะดวกกว่าเดิม และใช้ชิปเซ็ทใหม่ไร้ปัญหาเชื่อมต่อหูฟังแล้วกระตุก เหมาะกับคนที่ต้องการเคยคีย์บอร์ด Trackpad ที่ฟังก์ชั่นครบคุ้มที่สุดในตลาด ณ ตอนนี้ เป็นอีกแบรนด์ที่ออกแบบเคสคีย์บอร์ด iPad ได้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากที่สุดเลยครับ

• จากที่ได้ลองใช้งานจริง รุ่นนี้เป็นเคสคีย์บอร์ดที่อัพเกรดมาใหม่ ฟังก์ชั่นครบตอบโจทย์กว่าเดิมมากครับ ที่ชอบที่สุดคือส่วนของ Trackpad ที่กว้างกว่าเดิมถึง 2 เท่า จึงใช้ Gesture ต่างๆได้อย่างสะดวก ไม่ติดขอบ ส่วนความลื่นไหลยังทำได้ดีเหมือนเดิม และยังรองรับการแตะสัมผัสได้มากสุด 4 นิ้วครับ
• งานดีไซน์ยังคำนึงถึงผู้ใช้งานเป็นหลัก เพราะแผงคีย์บอร์ดจะเป็นแบบแม่เหล็กสามารถถอดแยกได้ และจะมีฝาพับแบบปกติมาให้ด้วย ถ้าไม่ได้ใช้คีย์บอร์ดก็ถอดออกได้เลยไม่ต้องพกให้หนัก หรือจะถอดฝาออกทั้งหมด แล้วถือใช้งานก็เหมาะกับสายวาด สายจดเช่นกันครับ
• และนอกจากจะรองรับ iPadOS ได้เต็มประสิทธิภาพแล้ว ยังรองรับระบบ iOS, Window และ Android สามารถสลับการใช้งานระหว่างอุปกรณ์ได้ง่าย เพียงแค่ทำการเชื่อมต่อและกดปุ่มเปลี่ยนระบบการทำงานบนคีย์บอร์ดเท่านั้นเองครับ

Highlight

• เคสคีย์บอร์ดรุ่นอัพเกรดใหม่ ประสิทธิภาพดีขึ้น ใช้งานได้คล่องตัวขึ้น
• เพิ่มขนาดแป่นพิมพ์ และเพิ่มแถวปุ่มคีย์ลัดมาให้อีก 1 แถว เพิ่มความสะดวก
• เพิ่มขนาด Trackpad ให้ใหญ่ขึ้นถึง 2 เท่า กว้างกว่า Magic Keyboard ถึง 20%
• เปลี่ยนชิปเซ็ทใหม่เป็น GENIUS x BROADCOM bluetooth 5.1 แก้ปัญหาเชื่อมต่อหูฟังแล้วกระตุก ที่เคสคีย์บอร์ดหลายๆแบรนด์ยังมีปัญหาอยู่
• เชื่อมต่อพร้อมกันได้ 3 อุปกรณ์ และรองรับ 3 ระบบ ทั้ง iPadOs, Window และ Android
• ตั้งได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนปรับได้ 6 ระดับ
• เคสกับคีย์บอร์ดยึดด้วยแม่เหล็กแน่นหนา ถอดแยกได้ เปลี่ยนเป็นฝาพับปกติได้
• Multi-Touch Trackpad รองรับการทำงานได้หลากหลาย Gesture สูงสุดถึง 4 นิ้ว และรองรับการซูมเข้า-ออก
• มีไฟ Backlit เปลี่ยนได้ 7 สี และปรับความสว่างได้ 4 แบบ
• วัสดุเคสที่ทำจากยางที่หนาเป็นพิเศษ มีลวดลายเคสด้านในเป็นแบบ Honey Comb จึงช่วยให้เคสซึมซับแรงกระแทกได้ดีขึ้นอีก
• ***เคสคีย์บอร์ดรุ่นนี้ใส่ได้ทั้ง iPad Pro 11 (2022)/(2021)/(2020)/(2018) และ iPad Air 11" (2024) / iPad Air 5 (2022) / iPad Air 4 (2020)

Product Detail รายละเอียดสินค้า

• แบรนด์ : Genius Gadget
• ชื่อรุ่น : Keyboard Case Folio Pro II
• สำหรับ : iPad Pro 11 ( 2022)/(2021)/(2020)/(2018) / iPad Air 11" (2024) / iPad Air 5 (2022) / iPad Air 4 (2020)
• วัสดุ : ยาง TPU, หนัง PU Leather + พลาสติกแข็ง Polycarbonate + พลาสติก ABS + แม่เหล็กด้านใน
• สีเคส : สี Black (ดำ)
• สีคีย์บอร์ด : Black (ดำ)
• ขนาด : กว้าง - ซม. ยาว - ซม. หนา - ซม.
• น้ำหนัก - กรัม (รวมคีย์บอร์ด), - กรัม (ไม่รวมคีย์บอร์ด)
• ตัวเคสเป็นแบบฝาพับหนา 2 ชั้น มีคีย์บอร์ดในตัว (แผงคีย์บอร์ดสามารถแยกออกจากเคสได้) และแถมฝาพับแบบปกติมาให้ด้วยในชุด
• เคสรุ่นนี้ออกแบบให้เป็นเคสคีย์บอร์ดเสริมสำหรับ iPad ที่ทั้งช่วยป้องกันรอยขีดข่วนให้กับ iPad และสามารถใช้งานฟังก์ชั่นคีย์บอร์ดได้ในตัวครับ
• ตัวเคสสามารถปรับตั้งได้ 6 ระดับ ใช้งานได้หลากหลายมุมมอง ไม่ว่าจะทั้งแนวนอน และแนวตั้ง
• ฝาพับมีแผ่นแม่เหล็กอยู่ด้านในจึงปิดล็อกได้อย่างแน่หนา และยังรองรับฟังก์ชั่น Sleep/Wake อีกด้วยนะครับ
• มีช่องสำหรับจัดเก็บ Apple Pencil มาให้ด้วย อยู่ที่ขอบข้างด้านในของเคส
• ส่วนของแผงคีย์บอร์ดจะมีขนาดปุ่มที่ใหญ่จึงกดได้ง่ายปกติ โดยนอกจากปุ่มกดตัวอักษรและปุ่มการใช้งานทั่วไปแล้ว ยังมีปุ่มเสริมพิเศษมาให้อีกมากมาย
• คีย์บอร์ดมาพร้อม Trackpad ในตัว โดย Trackpad จะมีขนาดใหญ่ขึ้นจากเดิม 2 เท่า
• รุ่นนี้มีแบตเตอรี่ภายในแบบ Battery Lithium ใช้เวลาชาร์จจนเต็มประมาณ 2 ชั่วโมง โดยใช้งานยาวๆได้ถึง 100 ชั่วโมง
• ในกล่องจะมีสาย USB Type C แถมมาให้ด้วย
• วัสดุหนัง PU คุณภาพดีให้สัมผัสนุ่มสบายมือเมื่อถือใช้งาน และยังให้ลุคที่ดูพรีเมี่ยมน่าใช้งาน
• ***เมื่อพับฝาปิดแล้ว คีย์บอร์ดจะประกบพอดีกับหน้าจอ แอดมินเลยแนะนำให้ใช้ร่วมกับกระจกนิรภัยที่หน้าจอเพื่อป้องกันรอยขีดข่วนครับ
• ***ตัวเคสเองไม่สามารถป้องกันรอยขีดข่วนที่เกิดจากของมีคมที่เป็นรอยลึกๆได้ครับ
• ***เคสรุ่นนี้รองรับฟังก์ชั่น Sleep/Wake นะครับ
• ***ตัวนี้ไม่รองรับการใช้งานร่วมกับ Smart Keyboard และ Smart Cover นะครับ
• ***ตัวคีย์บอร์ดรองรับการใช้งานทั้งระบบ iPadOS, Android และ Window สามารถถอดออกจากตัวเคสเพื่อนำไปใช้งานกับอุปกรณ์อื่นๆได้ครับ

Gallery รูปภาพสินค้า

ข้อมูลเชิงเทคนิค

• Operating distance/ ระยะในการใช้งาน : 10 เมตร
• Modulation system/ ระบบสัญญาณ : GFSK
• Connection/ การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.1
• iPadOS Version : รองรับ iPadOS 10 ขึ้นไป (*ฟังก์ชั่น Trackpad จะรองรับกับ iPadOS 13.4 ขึ้นไปเท่านั้นครับ)
• Battery type : lithium polymer
• Standby time/ ระยะเวลาสแตนบาย : >100 วัน
• Continuous time/ ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่อง : 100 ชั่วโมง
• Charging port/ พอร์ตชาร์จเข้า : USB Type C
• Charging time/ ระยะเวลาการชาร์จไฟเข้าจนเต็ม : ประมาณ 2 ชั่วโมง
• Key life : 3 ล้านครั้ง
• Oparating temperature/ อุณหภูมิขณะใช้งาน : -20±55 C
• Storage temperature : -40 C-70 C
• LED Indication / ไฟแสดงสถานะ : มี / Backlit ปรับได้ 7 สี 3 ระดับ

วิธีการเชื่อมต่อเพื่อใช้งาน

• กดเปิดสวิตซ์ (On) บนคีย์บอร์ดเพื่อเปิดการใช้งาน
• กดปุ่ม Fn + ปุ่ม A ที่คีย์บอร์ด ค้างไว้ 3 วินาที ไฟสถานะ Bluetooth ที่มุมขวาล่างดวงที่ 1 จะกระพริบ
• เปิดการใช้งาน Bluetooth บน iPad
• กดที่ชื่อ "Genius Folio Pro II" บน iPad
• เมื่อเชื่อมต่อสำเร็จไฟสถานะ Bluetooth ที่คีย์บอร์ดจะดับลง เริ่มใช้งานได้เลยครับ
• ***หากนำไปใช้งานกับอุปกรณ์ Window/Android ก็ใช้วิธีการเชื่อมต่อแบบเดียวกันครับ แต่หลังจากเชื่อมต่อสำเร็จ ให้กดปุ่ม Fn +ปุ่ม Q/W หรือ E เพื่อเลือกใช้งานตามระบบของอุปกรณ์ครับ

การใช้งาน Trackpad

การใช้งาน Trackpad ในหน้า Home และหน้าแอปต่างๆ

• ที่หน้า Home ใช้ 1 นิ้วลากแตะขอบจอบนเพื่อดู Notification
• ที่หน้า Home ใช้ 1 นิ้วลากแตะขอบจอล่างเพื่อดู Multitasking
• ใช้ 2 นิ้ว ปัดจอไปทางซ้ายเพื่อดูวิตเจท
• ใช้ 2 นิ้ว ปัดจอไปทางขวา/ซ้ายเพื่อสลับหน้า Home
• ใช้ 1 นิ้ว แตะ 2 ครั้งแล้วค้างที่แอป เพื่อเรียกดู shortcut เหมือนกด Haptic Touch/3D Touch
• ใช้ 1 นิ้ว แตะ 2 ครั้งแล้วค้างที่แอปแล้วขยับเล็กน้อย เพื่อย้ายหรือลบแอป
• เลื่อนแตะ 1 ครั้งที่เปอร์เซ็นแบตเตอรี่เพื่อเรียก Control Center
• ใช้ 2 นิ้วลากลงเพื่อค้นหา
• ใช้ 3 นิ้ว ปัดขึ้นเพื่อดู Multitasking
• ใช้ 3 นิ้ว แตะที่จอแล้วเลื่อนซ้ายขวาเพื่อสลับแอป

การใช้งาน Trackpad ใน Safari

• ใช้ 2 นิ้วลากขึ้นลงเพื่อดูหน้าเว็บ
• แตะ 2 ครั้งค้างที่แท็บที่ต้องการเปิด เพื่อเรียกดู Shortcut เหมือนการกด Haptic Touch/3D Touch
• ใช้ 2 นิ้ว หุบหรืออ้าออกเพื่อซูมเข้าและซูมออกหน้าเว็บ

การใช้งาน Trackpad สำหรับ Dock + Slide Over + Split View

• ในหน้าแอป ให้เลื่อนแตะขอบล่างเพื่อเรียก Dock
• ในหน้าแอป ให้แตะค้างที่แอปแล้วลากขึ้นมาวางที่ขอบจอเพื่อใช้งาน Split View
• ในหน้าแอป ให้แตะค้างที่แอปแล้วลากขึ้นมาวางข้างจอเพื่อใช้งาน Slide Over
• สลับหน้า Slide Over แตะ 2 ครั้งที่เส้นขอบล่างแล้วลากไปซ้าย/ขวา
• หรือแตะที่เส้น 2 ครั้งแล้วลากขึ้นเพื่อดูหน้า Slide Over ทั้งหมดก็ได้ (สำหรับรุ่น iPad รุ่นที่ไม่ปุ่ม Home)
• เลื่อนแตะที่ขอบข้างเพื่อปิด Slide Over หรือเลื่อนแตะอีกครั้งเพื่อเรียกกลับมา

การใช้งาน Trackpad ในแอป Notes

• ใช้ 1 นิ้ว แตะ 2 ครั้งเพื่อไฮไลท์ข้อความบางคำ
• ใช้ 1 นิ้ว แตะ 3 ครั้งเพื่อไฮไลท์ข้อความทั้งแถว
• ใช้ 1 นิ้ว แตะ 2 ครั้งแล้วลากคลุมเพื่อไฮไลท์ข้อความตามที่ต้องการ
• ใช้ 2 นิ้ว แตะ 1 ครั้งที่ข้อความที่ไฮไลท์ไว้เพื่อ Cut/Copy/Paste/Look Up/Share/แก้แบบอักษร

การใช้งาน Trackpad ในแอป Photos

• ใช้ 1 นิ้ว แตะ 2 ครั้งแล้วค้างเพื่อดูตัวอย่างรูปและเรียก shortcut
• หรือใช้ 2 นิ้ว แตะ 1 ครั้งที่รูปเพื่อเรียก shortcut
• ใช้ 1 นิ้ว แตะ 2 ครั้งบนรูปที่เปิดอยู่เพื่อซูม
• ใช้ 2 นิ้ว ปัดลงแล้วพื่อออกจากหน้ารูปที่เปิดอยู่
• ใช้ 1 นิ้ว แตะ 2 ครั้งที่รูป แล้วลากขึ้นเพื่อดูข้อมูลรูป

การตั้งค่า Gesture แบบกำหนดเอง

• ***หลังจากเชื่อมต่อคีย์บอร์ดแล้ว สามารถเข้าไปตั้งค่า Trackpad แบบกำหนดเองได้ โดยที่ iPad ให้เข้าไปตั้งค่าตามนี้
• เข้าไปที่ Setting > Accessibility > Touch > AssistiveTouch > เลื่อนเปิดใช้งาน AssistiveTouch > กดที่ Device > กดที่ชื่อ Bluetooth ของคีย์บอร์ดที่เชื่อมอยู่
• จากนั้นกดที่ Customize Additional Botton (หน้าจอจะแสดงหน้าต่างขึ้นมาให้ทำการกำหนด Gesture เอง)
• ใช้นิ้วแตะที่ Trackpad กำหนด Gesture เองได้เลยว่าจะให้การแตะตามจำนวนนิ้วเท่านี้ เป็นฟัีงก์ชั่นไหนบ้าง
• ตัวอย่างเช่น : แตะ 1 นิ้ว เป็นการคลิก 1 นิ้ว, แตะ 2 นิ้วเป็นการเรียก Dock, แตะ 3 นิ้วให้แคปหน้าจอ เป็นต้น หลังจากแตะ จะมีหน้าจอ Gesture ให้เลือกกำหนดขึ้นมาอัตโนมัติ
• -ทำซ้ำแบบนี้จนครบจำนวนนิ้วที่ Trackpad นั้นๆรองรับ จากนั้นเริ่มใช้งานได้เลย

อุปกรณ์ภายในกล่อง

• Genius Keyboard Case Folio Pro II (ตัวเคส) x 1
• Trackpad Keyboard (แผงคีย์บอร์ดมี Trackpad แบบถอดแยกได้) (สีดำ) x 1
• ฝาพับเคสแบบถอดแยกได้ x 1
• สายชาร์จ USB Type C (สีดำ) ยาว 70 ซม. x 1

การใช้งานร่วมกับกระจกนิรภัย/ฟิล์มกันรอย

สามารถใช้งานร่วมกับฟิล์มกันรอย/กระจกนิรภัยตามรายชื่อด้านล่างนี้

• สามารถใช้งานร่วมกับกระจกนิรภัย และฟิล์มแบบไม่เต็มจอได้ครับ
• สามารถใช้งานร่วมกับฟิล์มหลังได้ปกติครับ
• ***หาก iPad ของลูกค้าติดฟิล์มรอบเครื่องอยู่ เมื่อนำมาสวมใส่กับเคสรุ่นนี้ อาจทำให้ฟังก์ชั่นการชาร์จไร้สาย Apple Pencil Gen2 ที่ขอบเครื่องผ่านเคสไม่สามารถใช้งานได้ครับ และกรณีนี้จะไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกันครับ

วิธีการสวมใส่/ถอดเคส

• การสวมใส่ตัวเครื่องให้เริ่มใส่จากด้านปุ่มกด เพิ่ม/ลดเสียง ก่อน และจึงใส่ด้านอื่นตามลงไปครับ
• การถอดเคส แนะนำให้เริ่มถอดออกโดยเริ่มจากง้างด้านข้างขอบเคสข้างใดข้างหนึ่ง และค่อยๆนำเครื่องออกครับ
• ***วิธีพับเก็บเคส ควรพับฝั่งหน้าจอ iPad ลงมาทับคีย์บอร์ดเสมอทุกครั้ง (เหมือนการปิดหน้าจอ Laptop ทั่วๆไป) ไม่ควรพับโดยเอาคีย์บอร์ดพับไปหาหน้าจอ iPad เพราะคีย์บอร์ดอาจหลุดแล้วกระแทกกับหน้าจอได้ครับ
• ***เมื่อพับฝาปิดแล้ว คีย์บอร์ดจะประกบพอดีกับหน้าจอ แอดมินเลยแนะนำให้ใช้ร่วมกับกระจกนิรภัยที่หน้าจอเพื่อป้องกันรอยขีดข่วนครับ

เงื่อนไขการรับประกัน

• ทางร้าน 425Degree รับประกันสินค้า 3 เดือน เฉพาะส่วนของแผงคีย์บอร์ด ในความเสียหายที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับวัสดุหรืองานประกอบ ซึ่งเป็นผลมาจากการผลิต หรือปัญหาการใช้งานทางเทคนิคต่างๆที่ผิดปกติตั้งแต่ได้รับสินค้า เช่น เชื่อมต่อไม่ได้เลย, ชาร์จแบตไม่เข้าเลย และความเสียหายที่ว่านั้นไม่รวมถึงการกระทำของผู้ใช้งานหรือการใช้งานที่ผิดวิธี โดยลูกค้าจะต้องเก็บกล่องบรรจุภัณฑ์เอาไว้เพื่อใช้ยืนยันในการขอรับประกันครับ
• ****หลังหมดประกัน หรือ เกิดอุบัติเหตุทำหล่น น้ำเข้า จนใช้งานไม่ได้สามารถส่งซากมาเคลมครึ่งราคาได้ตลอดชีพ
• ส่วนวัสดุที่หุ้มเคส หากเกิดความเสียหายต่างๆที่เป็นผลมาจากการผลิต จะรับประกันส่วนนี้ 7 วันครับ
• ส่วนของอุปกรณ์เสริมที่แถมมาในกล่อง (สายชาร์จ) จะรับประกัน 7 วัน ในกรณีที่ใช้งานไม่ได้ตั้งแต่ครั้งแรกหลังจากเปิดกล่องครับ

การรับรองมาตรฐานและความปลอดภัย

• ผ่านการรับรองมาตรฐาน FCC, CE, RoHS certifications
• FCC : อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์/คอมพิวเตอร์ทุกชิ้นก่อนที่จะนำไปขายในสหรัฐฯจะต้องได้รับการรับรองจาก FCC (เป็นองค์กรของรัฐบาลสหรัฐฯ) เพื่อให้ตรงกับข้อจำกัดทางกฎหมายเกี่ยวกับการเป็นตัวนำและการกระจายคลื่นวิทยุ
• CE : เป็นเครื่องหมายที่แสดงการรับรองจากผู้ผลิตว่าสินค้ามีคุณสมบัติตามข้อกำหนดด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของสหภาพยุโรป
• RoHS : เป็นมาตรฐานเพื่อสิ่งแวดล้อม กำหนดให้ชิ้นส่วนทุกอย่างที่ประกอบเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ตั้งแต่แผงวงจร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงสายไฟ จะต้องมีสารที่เป็นอันตรายไม่เกินไปกว่าที่กำหนด (ตะกั่ว/ปรอท/แคดเมียม/เฮกซะวาเลนท์/โพลีโบรมิเนต/โพลีโบรมิเนต)

การทำความสะอาดและดูแลรักษาเพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนาน

• ควรใช้งานในที่อากาศถ่ายเทได้ เพื่อลดการสะสมความร้อนที่ตัวอุปกรณ์ครับ
• หลีกเลี่ยงการใช้งานในที่ที่ความชื้นสูง หรือบริเวณที่เปียกแฉะ
• ก่อนใช้งานทุกครั้งให้ตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์
• หมั่นเช็ดทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ ไม่ควรใช้สารเคมีใดๆครับ เพราะตัวหนังสือสกรีนอาจหลุดลอกได้ (และโปรดระมัดระวังเรื่องความชื้นของผ้าด้วยครับ ผ้าควรจะหมาดมากๆจนเกือบแห้งครับ)