Marshall Stanmore II : ลำโพงหรู 80 Watt. สุดคลาสสิค ที่ต้องมีติดบ้าน!!
- Code : 425marshall200 ลดเพิ่ม 200 บาท
- ลำโพงดีไซน์หรู เสียงแน่น พร้อมกำลังขับสูงถึง 80 Watt.
- ดอกลำโพงแบบ Subwoofer x 1 , Tweeter x 2 (3 Way Speaker) ให้มิติเสียงที่เป็นธรรมชาติ
- รองรับได้ทุกขนาดห้อง รวมไปถึงงานปาร์ตี้กลางแจ้ง
- แผง Control เสียง พร้อมไฟ LED บอกตำแหน่ง สามารถปรับ Volume , Bass , Treble
- บลูทูธ 5.0 รองรับ aptX อัตราหน่วงระหว่างภาพกับเสียงน้อย
- ช่องเสียบสายสัญญาณแบบ 3.5 มม. , RCA in (โทรทัศน์ , เครื่องเล่น Vinyl)
- รองรับ Marshall Bluetooth App ทั้งระบบ iOS & Android
Marshall Stanmore II Bluetooth Speaker
ลำโพงสวยหรูสุดคลาสสิค ที่ต้องมีติดบ้าน
(Degree ฟังสนุก เบสหนักจนกำแพงบ้านสั่น)
จุดกำเนิดของ “ Marshall ”
- Marshall แบรนด์ลำโพงชั้นนำสุดคลาสสิค ที่เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1962 โดย จิม มาร์แชล(Jim Marshall) ในยุคเริ่มแรกของทางบริษัท เริ่มโด่งดังมาจากการสร้างแอมป์ขยายเสียงสำหรับกีตาร์ไฟฟ้า ตั้งแต่ขนาดเล็กจนไปถึงขนาดใหญ่ ซึ่งนักดนตรีที่มีชื่อเสียงในยุคนั้นอย่าง ริตชี แบล็กมอร์ , พีต ทาวน์เซนด์ ก็ต่างออกมายอมรับถึงคุณภาพของตู้แอมป์ของเขาว่าได้คุณภาพได้มาตรฐาน จึงเกิดเป็นเรื่องเล่า “แบบปากต่อปาก” ไปถึงวงดนตรีหลายๆวง ต่อมาแบรนด์ Marshall ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดนักดนตรี จนทำให้ Jim Marshall สามารถพัฒนาและขยายรุ่นสินค้าต่อไปได้อีกหลายรุ่น
“เมื่อเวลาเปลี่ยน อะไรๆก็เปลี่ยน”
- ในเวลาต่อมา เทคโนโลยีเริ่มมีการแปรผันปรับเปลี่ยนการใช้อุปกรณ์ ให้เกิดความหลากหลายมากขึ้น จากยุค Analog มาเป็นยุค Digital ทางบริษัท Marshall ก็ได้เริ่มปรับเปลี่ยนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆของเขาอยู่ตลอด โดยมีตั้งแต่ตู้แอมป์กีตาร์รุ่นใหม่ๆ ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ , ลำโพงแบบบลูทูธ , หูฟัง ซึ่งจุดแข็งของทางบริษัท Marshall ก็คือ ยังคงคุณภาพความคลาสสิคในเรื่องของดีไซน์และยังคงใส่ใจในเรื่องของเสียงไว้นั่นเองครับ
ลำโพง Marshall Stanmore II เหมาะกับใคร ???
ใครหาลำโพงสวยๆ ที่เป็นเฟอร์นิเจอร์ชั้นหรูได้ เชิญ!!!!!!
- ตัวลำโพงไม่ได้มีดีแค่เรื่องเสียง เพราะมีดีไซน์ที่เรียบหรู พรีเมียม สะดุดตามากๆ เหมาะสำหรับคนที่หลงรัก “ดีไซน์แบบย้อนยุค คลาสสิค” หลงรักความเป็นแบรนด์ Marshall แค่เอามาตั้งไว้บนโต๊ะทำงานเฉยๆ ก็สามารถเป็นเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านได้แล้วครับ
ใครเพื่อนมาบ้านบ่อยๆ...รักความสนุกและหลงใหลในเสียงเพลง ต้องจัด!!!
- ด้วยขนาด , น้ำหนักของตัวลำโพง Marshall Stanmore II ที่มีค่อนข้างเยอะ ผสมกับฟังก์ชันที่ต้องใช้ปลั๊กไฟเสียบใช้งานตลอด ทีมงานจึงแนะนำว่าเป็นลำโพงที่เหมาะกับการใช้งานภายในบ้าน มากกว่าการพกพาไปตามที่ต่างๆครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ด้วยคุณภาพเสียงที่ให้มาเต็มเปี่ยมขนาดนี้ การนำเจ้า Marshall Stanmore II ไปใช้ในสวนหน้าบ้าน , จัดปาร์ตี้บาร์บีคิว , ปาร์ตี้ Hang Out กับเพื่อนๆก็ทำได้แบบสุดโต่งเลยล่ะครับ
ชอบดูหนัง , เล่นเครื่องเล่นแผ่นเสียง Vinyl ยุคเก่าๆ...ก็เหมาะมาก !!!
- เจ้าลำโพง Marshall Stanmore II ตัวนี้มีช่องเสียบสายสัญญาณ RCA (แดง-ขาว) ติดมาให้ด้วยทางด้านหลังครับ ทำให้ลำโพงตัวนี้ยังสามารถรอบรับการเสียบใช้งานได้หลากหลายอุปกรณ์มากยิ่งขึ้น ตั้งแต่เครื่องเล่นแผ่นเสียงยุคเก่าๆ , ทีวียุคเก่าๆ , Smart TV ก็ใช้งานได้สบายๆเลยครับ
“ Marshall Stanmore II ” Features
ระดับเสียงกว้าง รองรับการใช้งานได้ทุกห้อง รวมไปถึงกลางแจ้ง
- ตัวลำโพงให้กำลังขับสูงถึง 80 Watt. มาพร้อมกับ 2 x Tweeter , 1 x Subwoofer ปรับระดับเสียงได้กว้าง รองรับการใช้งานได้ทุกห้อง ไม่ว่าจะเปิดฟังเพลงเบาๆก่อนนอน , ฟังเพลง & ดูหนังในห้องนั่งเล่น , รวมไปถึงการจัดปาร์ตี้กลางแจ้งแบบตึ้บๆก็ทำได้สบายๆ
สัญญาณการเชื่อมต่อสุดสเถียรและรองรับอุปกรณ์ไร้สายได้หลากหลาย , รองรับ aptX
- Bluetooth 5.0 และรองรับ aptX Technology ช่วยให้สัญญาณการเชื่อมต่อสเถียรภาพมากยิ่งขึ้น อัตราการหน่วงระหว่างภาพและเสียงน้อยลง เชื่อมต่อในระยะไกลสูงสุดถึง 30 ฟุต ( 9.14400 เมตร) สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ไร้สายได้ตั้งแต่ Smartphone , Tablet , จนไปถึง Computer แม้่ว่าจะเชื่อมต่อกับมือถืออยู่ แต่เดินไปห้องข้างๆก็ยังฟังได้แบบไร้รอยต่อ
ดีไซน์คลาสสิค ให้อารมณ์ย้อนยุคไปในปี ค.ศ. 1962
- ยังคงเอกลักษณ์ในเรื่องของดีไซน์แบบย้อนยุค , คลาสสิค และใช้วัสดุคุณภาพสูง ไว้ให้เหมือนลำโพงรุ่นแรกๆในปี ค.ศ. 1962 ที่สามารถนำไปไว้ที่ห้องไหนภายในบ้านก็ได้
แผงควบคุมปรับได้ดั่งใจ (Control Your Sound)
- ควบคุมความดัง , ปรับ Tone เสียง Bass , Treble ได้ตามใจชอบ ด้วยแผงควบคุมด้านบนลำโพง ให้อารมณ์ย้อนไปในยุค Analog อยากจะเพิ่ม Bass ก็ทำได้ดั่งใจ อยากจะเพิ่มความดังให้กำแพงบ้านสั่นก็หมุนได้เลย
- และจุดที่ทีมงานชอบอีกอย่างคือ "ตำแหน่งไฟ LED" ที่สามารถบอกได้อย่าง "แม่นยำ" ว่าตอนนี้เราปรับอยู่ที่ระดับไหนแล้วครับ
การเชื่อมต่อโดยสายสัญญาณ (Wired Connectivity)
- รองรับการเชื่อมต่อแบบเสียบสายทั้งช่องสัญญาณแบบ Aux in 3.5 mm. (Universal Audio) & RCA in สำหรับใครที่ต้องการเสียบกับ Smart TV , เครื่องเล่นแผ่นเสียง ก็เสียบสายสัญญาณเข้า RCA in ได้เลยครับ
เชื่อมต่ออุปกรณ์ได้พร้อมกันสองอุปกรณ์ (Multi-Host)
ตัวลำโพงรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้พร้อมกันสองอุปกรณ์ (Multi-Host) พร้อมสลับใช้งานได้อย่างสะดวก ใครมีทั้ง Mobile , Tablet ก็เชื่อมต่อทิ้งไว้เลยตั้งแต่ครั้งแรก และสลับการใช้งานได้เลยตามใจชอบ
Sound Review (รีวิวเสียง)
สำหรับบทเพลง Mainstream , เพลงฮิตติด Top Chart ทั้งเพลงไทย , สากล
- ตัวลำโพง Marshall Stanmore II สามารถตอบสนองย่านความถี่ของเสียงร้อง ในย่านเสียงกลาง ออกมาได้อย่างโดดเด่น น้ำเสียงของนักร้องได้โทนที่ธรรมชาติพุ่งออกมาด้านหน้า ให้ความรู้สึกที่อยู่แนวหน้าของชิ้นดนตรี ฟังง่าย ไม่โดนชิ้นดนตรีกลบเกลื่อนครับ
- ส่วนย่านความถี่ที่ต่ำและความถี่สูง(Low & High Frequency) สามารถตอบสนองและให้ความรู้สึกออกมาได้อย่าง Balance (พอดี) ในตำแหน่งที่ถอยหลังออกไป จากเสียงของนักร้อง ทำให้ได้มิติการฟังที่ดีครับ
- ถึงแม้ว่าบทเพลงบางเพลงจะมี Style EDM , Dance เข้ามาผสมผสาน เสียงย่านต่ำในเพลงเยอะๆ แต่เจ้าลำโพงตัวนี้ก็ยังให้เสียงร้องที่ชัดถ้อยชัดคำ ฟังได้ง่ายอยู่ครับ
เพลงที่ 425Audio ใช้ทดสอบกับ Mainstream
- Spotify Playlist Thailand Top 50 >>> ลงใจ , คิดถึงแต่ (Bowkylion) , ฝนตกไหม , แอบดี , ถ้าฉันเป็นเขา , ภาวนา
- Spotify Global Top 50 >>> Blinding Lights , The Box , Dance Monkey
ต่อไปลองเน้นเป็นบทเพลงที่หนักขึ้นมาหน่อย เพราะว่าตั้งแต่ Acoustic ขึ้นมาจนถึงการผสมผสานของ EDM นี่ฟังได้แบบสบายๆ
- ลองมาเริ่มกับเพลง Rock ช่วงต้นๆปี ค.ศ. 2000 กันหน่อย อย่างบทเพลงยอดฮิตอย่าง The Reason ของ Hoobastank
- ความรู้สึกแรกที่จับต้องได้คือ ความมันและความหนึบของเสียงกลองชุดพร้อมกีตาร์เบส เมื่อบทเพลงเริ่มมาด้วยกันทั้งแบรนด์ (เปียโน , กีตาร์ , เบส , กลอง) เจ้าลำโพง Marshall Stanmore II สามารถให้เสียงของ กระเดื่อง(Kick) และ สแนร์(Snare) ได้อย่างแน่น ให้อารมณ์เหมือนนั่งอยู่หน้ามือกลองได้เลยครับ (Kick กระแทกหน้า)
- พอเริ่มมีเสียงของนักร้องขึ้นมา คาแรคเตอร์ของลำโพงก็กลับมาเหมือนเดิมคือ ฟังร้องชัด พร้อมกับความมันของเสียงย่านต่ำ ที่คอยโอบอุ้มบทเพลงไปได้อย่างอวบอิ่ม
- ส่วนในท่อนฮุคของเพลงที่เริ่มมีเสียงแตกของกีตาร์ไฟฟ้า(Distortion) นักร้องก็ยังชัดอยู่ แม้ว่าจะมีเสียงของกีตาร์ที่หนา เพิ่มเข้ามา โดยที่เสียงกีตาร์ไฟฟ้าในเพลงนี้ได้โทนที่หนาและพุ่งมากๆจากตัวลำโพง แต่มิติและความแม่นยำนั้นยังยอดเยี่ยม ไม่ได้รู้สึกว่าโดนบดบังแต่อย่างใด
ขอลองเปลี่ยนฝั่งไปเป็น Rock แบบ Nickelback บ้าง
- เริ่มอัดไปกับเพลงมันๆ กระแทกกระทั้นอย่าง Edge Of A Revolution เลยล่ะกัน
- เจ้าลำโพง Marshall Stanmore II ยังคงคาแรคเตอร์เสียง ความมันที่เป็นเอกลักษณ์ในการฟังเพลง Rock ไว้ได้อย่างโหดมากๆ เอาคาแรคเตอร์เสียงกีตาร์ไฟฟ้า , กีตาร์เบส , และกลองชุด ออกมาได้อย่างทรงพลังเลย โดยความหนาของเนื้อเสียงกีตาร์ไฟฟ้ายังเป็นธรรมชาติ ฟังสนุก ให้ความรู้สึกได้คล้ายการฟังลำโพงจากห้องอัดได้ โดยที่ให้ความรู้สึกที่โดนบิดเบียนมาจากเสียงจริงน้อยมากๆครับ
Stereo Image
- สำหรับเรื่องมิติความกว้างของ Stage ทีมงานถือว่าตอบโจทย์แบบนั้นได้ยาก เรียกว่าไม่ได้ตอบโจทย์ในเรื่องของการฟังแบบกว้างๆแยกมิติขนาดนั้น แต่ถ้าเป็นจุดเด่นของเขาจริงๆ ทีมงานยกย่องในเรื่องของมิติความลึกมากกว่า ที่สามารถจับต้องได้แบบไม่ยากว่าเครื่องอะไรอยู่ข้างหน้า,ข้างหลัง ทำให้การฟังเพลงนั้นได้อรรถรส ฟังสนุกมากๆครับ
ฟัง Rock อย่างมัน
- เป็นลำโพงที่ฟัง Rock ดีสุดในคลาสแล้วแหละครับ ตอบโจทย์ชาวร๊อคได้ไปถึงชาว Metal แน่ๆ คุณภาพระดับ World Class ตามสไตล์ต้นกำเนิดของ Marshall เลยครับ
สรุป
- ทางทีมงาน 425Audio ขอไม่พูดเยอะละกันครับ เนื่องจากน้ำเสียงของเจ้าลำโพง Marshall Stanmore II ตัวนี้เอาไปฟังกับบทเพลงอะไรก็ดูดี ฟังสนุก ฟังเพราะไปหมด โดยจุดเด่นของเขาคือ การให้เสียงร้องที่ชัดถ้อยชัดคำ เนื้อเสียงหนาได้น้ำได้นวล มีการแบ่งมิติความลึกของเสียงให้ชิ้นดนตรี ทั้งย่านเสียงสูงและเสียงต่ำถอยออกไปข้างหลังหน่อย ทำให้เสียงร้องพุ่งออกมาที่ด้านหน้า โดยรวมแล้วทำให้การฟัง ฟังได้แบบ Balance (พอดี) กลมกล่อมลงตัวมากๆครับ
Product Specification (สเปคคร่าวๆ)
- ตอบสนองความถี่ (FREQUENCY RANGE) : 50 – 20,000 Hz
- ปุ่ม Control (Front) : Volume , Bass , Treble
- STEREO/MONO : Stereo
- MAXIMUM SOUND PRESSURE LEVEL : 101 dB @ 1 m
- CABINET PRINCIPLE : Bass-reflex
- POWER AMPLIFIERS : 1x 50 Watt Class D amplifier for the woofer , 2 x 15 Watt Class D amplifiers for the tweeters
- DIMENSION : 350 x 195 x 185 mm
- WEIGHT : 4.65 kg
Product Include (อุปกรณ์ภายในแพคเกจ)
- ลำโพง Marshall Stanmore II
- สายไฟ
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
Warranty (เงื่อนไขประกันสินค้า)
- รับประกัน 1 ปี ภายใต้เงื่อนไขที่ทาง Marshall กำหนด
- *** ในส่วนของอะไหล่ เเละสายชาร์จที่มากับตัวลำโพงจะมีระยะประกันอยู่ที่ 7 วัน
- คุณลูกค้าต้องเก็บตัวสินค้าไว้ให้ครบไม่ว่าจะเป็น กล่อง/ซองแพคเกจจิ้ง, ตัวลำโพง, สายสัญญาณ รวมไปถึง คู่มือการใช้งาน
- หากตัวสินค้าเสียหายจากขั้นตอนการผลิตของทางโรงงาน เปลี่ยนตัวใหม่ให้ทันที
- สินค้าต้องไม่มีตำหนิจากการใช้งานผิดวิธี, ตำหนิเสียหายจากการใช้งานของลูกค้า, ร่องรอยการกระแทก หรือการขูดขีดอย่างรุนแรง
- หากเป็นปัญหาจากการใช้งานของคุณลูกค้าไม่ว่าจะเป็น สายขาดใน, แจ็คหัก, เปิดเสียงดังจนเสียงแตก, เบิร์นลำโพงผิดวิธี(ใช้แอพเบิร์นหรือคลื่นเสียงประเภท Sine Sweep, Pink Noise, White Noise) จนดอกลำโพงเสียหาย จะไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกัน
- สินค้ารุ่นนี้ไม่มีมาตรฐานการกันนํ้า หากสินค้าเสียหายจากอาการนํ้าเข้าในทุกกรณี จะไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกัน
- อาการกระตุกของสัญญาณขณะใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีสัญญาณของอุปกรณ์ไร้สายเยอะๆ เช่นบนสถานีรถไฟฟ้า,ออฟฟิตขนาดใหญ่ ***เช่น กำลังฟังเพลงอยู่แล้วสัญญาณขาดหายแล้วกลับมาเป็นปกติ *** จะไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกัน
ขั้นตอนการเคลมสินค้า
ขั้นตอน 1 กรอกแบบฟอร์มการรับประกัน https://warranty.ash-asia.com/wholesale-warranty-claim/
เพื่อรับบริการรับประกัน โปรดติดต่อตัวแทนฝ่ายบริการลูกค้าของบริษัท Ash asia ("CSR") โดยกรอกแบบฟอร์มเรียกร้อง ( https://warranty.ash-asia.com/wholesale-warranty-claim/) หรือทางอีเมลที่ [email protected]
ขั้นตอน 2 รับหมายเลข Claim ID (WSCI- xxxx ) สำหรับผลิตภัณฑ์ของคุณ
โปรดอย่าส่งคืนสินค้าใด ๆ หากไม่ได้รับหมายเลข RMA เนื่องจากทางบริษัท Ash asia ไม่สามารถติดตามสินค้ากับคุณและอาจสูญหายหรือถูกวางผิดที่ หากสินค้าใดถูกส่งคืนโดยไม่มีหมายเลข RMA ที่ถูกต้องทางบริษัท Ash asia จะไม่รับผิดชอบต่อสินค้าของคุณหากสินค้าเสียหายหรือสูญหาย
ขั้นตอน 3 จัดส่งผลิตภัณฑ์ของคุณไปยังศูนย์บริการของบริษัท Ash asia
กรุณาแพ็คสินค้า + อุปกรณ์ทั้งหมดลงกล่อง พร้อมจ่าหน้ากล่องว่า
ฝ่ายเคลมสินค้า และแจ้ง Claim ID
ที่อยู่ บริษัท แอชเอเชีย อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
ห้อง 2301 ชั้น 23 อาคารเดอะมิลเลนเนียทาวเวอร์ 62 ซ.หลังสวน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
โทร. 02-252-2990 ต่อ 105 (เบอร์สำนักงาน)
โปรดแน่ใจว่าหมายเลข Claim ID ( WSCI- xxxx ) ถูกพิมพ์อย่างชัดเจนบนกล่อง!
ขั้นตอน 4 บริษัท Ash asia ทำการประเมินผลิตภัณฑ์ของคุณและเตรียมการแก้ไขปัญหา
เมื่อได้รับและดำเนินการตามคำขอรับประกันของคุณแล้วคุณจะได้รับอีเมลยืนยันจากบริษัท Ash asia และช่างเทคนิคป้องกันตัวเลือกจะประเมินผลิตภัณฑ์ของคุณ โปรดทราบว่าโดยทั่วไปบริษัท Ash asia จะให้การยืนยันภายใน 2-3 วันทำการ อย่างไรก็ตามในช่วงที่มีความต้องการใช้งานสูงสุดอาจใช้เวลาถึง 10 วันทำการ เพื่อให้บริษัท Ash asia ตอบกลับคุณ เมื่อบริษัท Ash asia ประมวลผลผลิตภัณฑ์ของคุณแล้วให้ซ่อมแซมเวลาตอบสนองโดยเฉลี่ย 5 วันทำการ
Fashion Island STORE | ไม่ |
---|---|
SKU | AD072-A1 |
แบรนด์ | MARSHALL |
CTW STOCK | ไม่ |
MB STOCK | ไม่ |
ES STOCK | ไม่ |
WV STOCK | ไม่ |
Paragon STORE | ไม่ |