Marshall Kilburn II Bluetooth Speaker 

ลำโพงดีไซน์ Modern ขนาดกระทัดรัด เสียงดังสุดในคลาส!!

(Degree : วางติดบ้านก็ดี พกติดทริปต่างจังหวัดก็ได้)

ที่มาของ “ Marshall ”

• Marshall แบรนด์ลำโพงชั้นนำสุดคลาสสิค ที่เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1962 โดย จิม มาร์แชล(Jim Marshall) ในยุคเริ่มแรกของทางบริษัท เริ่มโด่งดังมาจากการสร้างแอมป์ขยายเสียงสำหรับกีตาร์ไฟฟ้า ตั้งแต่ขนาดเล็กจนไปถึงขนาดใหญ่ ซึ่งนักดนตรีที่มีชื่อเสียงในยุคนั้นอย่าง ริตชี แบล็กมอร์ , พีต ทาวน์เซนด์ ก็ต่างออกมายอมรับถึงคุณภาพของตู้แอมป์ของเขาว่าได้คุณภาพได้มาตรฐาน จึงเกิดเป็นเรื่องเล่า “แบบปากต่อปาก” ไปถึงวงดนตรีหลายๆวง ต่อมาแบรนด์  Marshall ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดนักดนตรี จนทำให้ Jim Marshall สามารถพัฒนาและขยายรุ่นสินค้าต่อไปได้อีกหลายรุ่น

“เวลาเปลี่ยน อะไรก็เปลี่ยน”

• ในเวลาต่อมา เทคโนโลยีเริ่มมีการแปรผันปรับเปลี่ยนการใช้อุปกรณ์ ให้เกิดความหลากหลายมากขึ้น จากยุค Analog มาเป็นยุค Digital ทางบริษัท Marshall ก็ได้เริ่มปรับเปลี่ยนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆของเขาอยู่ตลอด โดยมีตั้งแต่ตู้แอมป์กีตาร์รุ่นใหม่ๆ ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ , ลำโพงแบบบลูทูธ , หูฟัง ซึ่งจุดแข็งของทางบริษัท Marshall ก็ยังคงยึด คุณภาพความคลาสสิคในเรื่องของดีไซน์และยังคงใส่ใจในเรื่องของเสียงไว้นั่นเองครับ 

Marshall Kilburn II เหมาะกับใคร ???

ใครที่ต้อง “โยกย้ายกันบ่อยๆ” เจ้า Kilburn II ก็ตอบโจทย์

• ตัวลำโพง Kilburn II มาพร้อม “สายหนังสำหรับพกพา” ที่สามารถคล้องกับ “หมุดเหล็ก” ที่ลำโพงได้ คุณสมบัติแข็งแรง สะดวกต่อการเคลื่อนย้ายไปตามสถานที่ต่างๆ โดยนักออกแบบได้รับแรงบันดาลใจมาจากสายสะพายกีตาร์ ทำให้การพกพาหรือการเคลื่อนย้ายนั้นสะดวก อุ่นใจมากๆครับ

หนุ่มสาวออฟฟิต ใช้ชีวิตติดคอนโด , ติดบ้านเป็นหลักเหมาะมากๆ

• ตัวลำโพง Marshall Kilburn II มีขนาดที่กระทัดรัด พร้อมรูปทรงที่ดูทันสมัยพรีเมียมเอามากๆ เพราะฉะนั้นการมีลำโพงตัวนี้ไว้ติดห้อง ไม่ว่าจะเป็นคอนโดห้องเล็กๆ , หรือจะเป็นห้องนอนที่บ้านก็ดูเข้ากันไปหมดเลยละครับ

สำหรับใครที่เน้น “ความดัง & รายละเอียดเสียง” แวะทางนี้ก่อน !!!

• ถึงแม้ว่าตัวลำโพงจะมีขนาดที่กระทัดรัด น่ารัก แต่เท่าที่ทางทีมงาน 425Audio ได้ทดสอบนั้น ระดับเสียงและคุณภาพเสียงนั้นไม่เล็กเลยนะครับ เรียกว่า “ดังเกินตัว” รองรับตั้งแต่ห้องเล็กๆ ไปถึงห้องใหญ่ๆได้สบายๆครับ
• นอกจากจุดเด่นของลำโพงที่เป็นเรื่องของน้ำเสียงที่หนักแน่นแล้ว เจ้า Kilburn II ยังสามารถตอบสนองรายละเอียดเสียงออกมาได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยเทคโนโลยีการส่งสัญญาณเสียงไร้สายแบบ aptX (อัตราหน่วงต่ำ) ช่วยให้ รับ-ส่งสัญญาณเสียงได้อย่างละเอียดมากยิ่งขึ้น โดยมีจุดเด่นคือย่านความถี่ต่ำที่ทุ้มแน่น และเสียงย่านความถี่สูงที่ให้รายละเอียดได้ชัดเจน จับต้องได้ไม่ยากครับ

ฟังเพลงดียังไม่พอ!!! ดูหนัง Netflix , ชม Content ต่างๆได้อย่างสนุกอีก

• เนื่องจากเจ้า Kilburn II สามารถรองรับ Audio Codec. แบบ aptX ที่ช่วยในเรื่องของการรับส่งภาพและเสียงที่มีอัตราหน่วงน้อยมากๆ จึงสามารถใช้ดูหนัง ดูคลิปวิดิโอต่างๆได้อย่างเพลิดเพลิน โดยที่ไม่รู้สึกถึงอาการดีเลย์เลยละครับ
• ทั้งนี้ทั้งนั้น ถึงตัวลำโพงจะเป็นรุ่นใหม่ แต่ยังคงสามารถเชื่อมต่อได้ทั้งระบบ Bluetooth 5.0 หรือ การเชื่อมต่อผ่านสายแจ๊คมินิแบบ 3.5 มม. (Aux in) เท่าที่ทางทีมงาน 425Audio ได้ลองใช้งานนั้นถือว่า ตอบโจทย์การดูหนังผ่านอุปกรณ์ประเภทอื่นๆได้ดีมากๆครับ (Computer , Laptop)

“ Marshall Kilburn II ” Features

ลำโพงขนาดกระทัดรัด แบตฯอึด ใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 20 ชม.

• ถึงแม้ตัวลำโพงจะมีขนาดเล็กกระทัดรัด น้ำหนักเพียงแค่ 2.5 กก. ถ้าเทียบกันเฉพาะภายในคลาสนั้น แต่เจ้า Kilburn II นี้ยังมาพร้อมแบตฯภายในที่ “ใหญ่เกินตัว” โดยการใช้งานจริงนั้นสามารถเล่นต่อเนื่องได้สูงถึง 20 ชม. ต่อการชาร์จเพียงแค่หนึ่งครั้ง รองรับการพกพาไปใช้นอกบ้านได้แบบสบายๆครับ

ไฟสถานะแบตเตอรี่

• บริเวณแผงควบคุมด้านบนของตัวลำโพง ยังมาพร้อมไฟโชว์สถานะแบตฯ ช่วยทำให้ผู้ใช้งานสามารถรับมือต่อการใช้งานของแบตฯได้เป็นอย่างดีเลยครับ

Quick Charge 

• สำหรับใครที่ “ขี้หลง ขี้ลืม” ในการชาร์จแบตฯ เจ้า Kilburn II ก็ยังมาพร้อมโหมด Fastcharge ที่ใช้เวลาชาร์จเพียงแค่ 20 นาที ใช้งานได้ถึง 3 ชม. เลยครับ

กำลังขับสูงถึง 36 Watt. 

• แม้ว่าเจ้า Kilburn II จะมีขนาดที่เล็ก แต่ภายในของเขานั้นมาพร้อมดอกลำโพงถึงสองดอก ซึ่งประกอบไปด้วย 1 x Subwoofer , 1 x Tweeter ที่ช่วยขับเสียงออกมาได้อย่างมีพลัง เสียงแน่น-ดัง รองรับการใช้งานได้ทุกห้องเลยครับ

การเชื่อมต่อไร้สายBluetooth 5.0 รองรับ aptX

• ตัวลำโพง Kilburn II รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0 ช่วยให้สัญญาณการเชื่อมต่อที่ สเถียรภาพมากยิ่งขึ้น เชื่อมต่อในระยะไกลสูงสุดถึง 30 ฟุต ( 9.14400 เมตร)  และยังมี aptX Technology ที่ช่วยให้อัตราการหน่วงระหว่างภาพและเสียงน้อย รองรับกับอุปกรณ์ไร้สายได้ตั้งแต่ Smartphone , Tablet , จนไปถึง Computer แม้่ว่าจะเชื่อมต่อกับมือถืออยู่ แต่เดินไปห้องข้างๆก็ยังฟังได้แบบไร้รอยต่อเลยครับ

WATER-RESISTANT IPX2

• ทั้งนี้ทั้งนั้น วัสดุของตัวลำโพงเองยังมีความสามารถต่อการทนละอองน้ำได้ที่ IPX2 ที่ป้องกันละอองฝน , ละอองน้ำจากสระว่ายน้ำ ซึ่งทำให้เราพกพาไปใช้งานได้อย่างสบายใจเลยละครับ 

เชื่อมต่ออุปกรณ์ได้พร้อมกันสองอุปกรณ์ (Multi-Host) 

• ตัวลำโพงรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้พร้อมกันสองอุปกรณ์ (Multi-Host) พร้อมสลับใช้งานได้อย่างสะดวก ใครมีทั้ง Mobile , Tablet ก็เชื่อมต่อทิ้งไว้เลยตั้งแต่ครั้งแรก และสลับการใช้งานได้เลยตามใจชอบ 

แผงควบคุมปรับเสียงได้ (Control Your Sound)

• สามารถ ปรับระดับเสียง , ปรับ Tone เสียง Bass , Treble ให้เข้ากับสถานที่ (Room) ได้ตามใจชอบ อยากปรับอะไร ก็ทำได้ดั่งใจ อยากจะเพิ่มหรือลดความดัง ก็หมุนผ่านลำโพงได้เลยครับ 

Sound Review (รีวิวเสียง)

เริ่มกันที่เพลงเบาๆอย่าง “เธอยังสวยเหมือนเดิม” ของ สิงโต นำโชค ที่เป็นบทเพลง Acoustic แบบ Mainstream

• เริ่มตั้งแต่ที่เสียงเปียโน และ เสียงของกีตาร์คลาสสิค ขึ้นมานั้นทาง 425Audio ถือว่าเป็นลำโพงที่ให้คาแรคเตอร์เสียงออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ให้เสียงเครื่องดนตรีที่ฟังชัด ไม่บวม ไม่บางเกินไป ให้ความถี่ในย่านกลางและต่ำ ออกมาได้อย่างโดดเด่น
• หลังจากที่เสียงของนักร้องได้เริ่มขึ้นมา ก็ถึงกับต้องอึ้งเหมือนกันครับ เพราะว่าได้ความรู้สึกในการฟังที่คล้ายลำโพง Monitor มากๆ โดยความถี่เสียงในย่านร้องนั้นมาเต็มมากๆ โดยเนื้อเสียงนั้นออกมาได้แบบหนานุ่ม ปลายเสียงนักร้องลอยไปได้ในระดับนึง ไม่ถึงกับไกล แต่โดยรวมแล้วสามารถใช้ฟังกับบทเพลงประเภทนี้ได้ดีแน่ๆครับ

ต่อมาก็ยังเป็น Mainstream แต่ขอลองเพลงที่มีจังหวะหนักมากขึ้นหน่อย อย่างเพลง “ถ้าฉันเป็นเขา”

• พอเป็นบทเพลงที่เริ่มมีจังหวะ เริ่มมีชิ้นดนตรีที่มากขึ้น การตอบสนองเสียงก็ถือว่า ยังคงให้เสียงร้องที่ชัดเจน ฟังง่ายอยู่ครับ แต่โทนเสียงที่จับต้องได้เพิ่มมากขึ้นคือ เสียงความถี่ย่านต่ำ ที่ตอบสนองกับเสียงชิ้นดนตรีของชุดกลอง (Kick,Snare,Tom) ออกมาได้แบบทุ้มแน่น ฟังได้แรงปะทะ อีกทั้งยังได้ยินเสียงของชิ้นกีตาร์ไฟฟ้า ทั้งไลน์ Solo & Rhythm ได้ชัด ซึ่งนั่นก็แสดงถึงการตอบสนองความถี่ในย่านสูงที่พุ่งออกมาได้อย่างไม่น้อยหน้าครับ

ลองบทเพลงที่ทำให้ Subwoofer สั่นกันหน่อย อย่างเพลง “How To Love (Feat. GRAY)” ของ ALLY , GRAY

• เพลงนี้ถูกสุ่มมาจาก Playlist ใน Spotify ของทีมงานเอง โดยในบทเพลงนี้แอบมีกลิ่นของสไตล์เพลง Hip-Hop , EDM เข้ามาผสมด้วยทั้งสไตล์เครื่องดนตรีและทำนอง รวมถึงการเรียบเรียงชิ้นดนตรีทุกๆอย่าง ซึ่งการตอบสนองผ่านลำโพง Kilburn II ก็ทำออกมาได้อย่างอวบอิ่ม ให้แรงปะทะที่แน่น เสียงย่านต่ำที่ตอบสนองกับชิ้นดนตรีของกระเดื่อง ที่เป็นแบบกระเดื่องสังเคราะห์(Syn Kick) นั้นมีความคมชัดและพุ่งออกมา โดยที่ไม่บดบังเสียงร้อง มีการแยกมิติทางด้านแนวลึกได้ดีมากๆครับ โดยที่ชิ้นดนตรีในย่านเสียงต่ำจะให้ความรู้สึกโอบอุ้มไปพร้อมกับเสียงร้อง ทำให้การฟังนั้นได้ความอวบอิ่มที่ดีมากๆ ส่วนเสียงย่านกลาง & สูง ที่ตอบสนองกับชิ้นดนตรี เช่น เสียงปรบมือ(Clap) , กีตาร์ไฟฟ้า (E.guitar) , คีย์บอร์ด (Syn Chord) ก็ให้น้ำเสียงที่ฟังชัด รองลงมาจากเสียงร้องเช่นกันครับ

ลอง Nirvana หน่อยซิ ว่าจะไหวมั้ย????

• หลังจากที่ค่อยๆ Warm ตัวลำโพงมาซักระยะนึงแล้ว ทีมงาน 425Audio ก็ได้มีโอกาสลองทดสอบกับบทเพลงร๊อคยอดฮิตอย่าง Smells Like Teen Spirit
• สิ่งที่จับต้องได้ง่ายสำหรับบทเพลงหนักๆแบบนี้ คือ จังหวะของเครื่องดนตรีที่เล่น Rhythm อย่าง กลอง(Drum) , กีตาร์เบส(E.bass) , กีตาร์(E.guitar) สิ่งที่ดูโดดเด่นในบทเพลงนี้มากที่สุดรองลงมาจากเสียงร้องนั้นเป็น เสียงของกระเดื่องและกีตาร์เบส (Kick & Bass) ที่หนึบหนับ คอยโอบอุ้มย่านเสียงต่ำของเพลงไปได้ทั้งเพลง ทำให้การฟังนั้นได้อารมณ์ที่แน่น ฟังสนุก ฟังอิ่มนั่นเองครับ
• ส่วนความดี ความชอบส่วนตัวจากการฟังลำโพง Marshall ทุกรุ่นตั้งแต่ รุ่นเล็ก - ไปถึงรุ่นใหญ่ๆ และสิ่งที่ทำให้ทีมงาน 425Audio รู้สึกประทับใจ ก็คือการให้เสียงร้องที่ยังคมชัด เนื้อเสียงหนาเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเปิดเพลงสไตล์ร๊อคแบบ Metal ก็ยังฟังเสียงนักร้อง “ว๊ากได้อย่างคมชัด” โดยที่ย่านเสียงของชิ้นดนตรีไม่ได้ไปบดบังเลยครับ

Stereo Image

• เรื่องของมิติเสียงหรือความกว้างของเวทีเสียงนั้นยังคงจับต้องได้ยาก เนื่องจากเป็นลำโพงที่ตอบสนองเสียงออกมาแบบทางเดียว แต่จุดเด่นของเขาคือ การแบ่งเลเยอร์เสียงหรือมิติเสียงทางแนวลึก-ตื้นที่ดีมากๆ สามารถสร้างความรู้สึกการฟังที่เห็นภาพวงดนตรี ว่าใครอยู่ด้านหน้าหรือด้านหลังได้ดีมากๆครับ

สรุป

• เป็นลำโพงบลูทูธขนาดพกพาที่มีน้ำเสียงดี เสียงดังมากๆ เรียกว่า “ดังสุดในคลาส” โดยคาแรคเตอร์เสียงที่โดดเด่นของเจ้า Kilburn II นั้นคือ ย่านเสียงช่วงเสียงกลาง-ต่ำ (Mid-Low) ที่ตอบสนองเสียงของนักร้องออกมาได้อย่างคมชัด เนื้อหนา และเสียงความถี่ย่านต่ำและสูง (Low , High) ที่ขับเสียงออกมาได้อย่าง Balance (พอดี) ช่วยทำให้การฟังเพลงนั้นกลมกล่อมและลงตัวที่สุดในคลาสแล้วครับ
• เท่าที่ลองฟังผ่านๆมาหลายๆ “สไตล์เพลง” 425Audio ก็กล้าการันตีได้เลยว่า เจ้า Kilburn II นี้สามารถใช้ฟังบทเพลงทั่วๆไปได้สบายๆตั้งแต่ Acoustic , Pop , RnB , Soul , Ballad , K-Pop , Jazz , Hiphop , EDM , Indy , Pop-Rock , Rock , Punk ที่สำคัญที่พลาดไม่ได้คือ ลูกทุ่งไทยนี่แหละครับ ฟังเสียงนักร้องได้ฉ่ำพร้อมจังหวะที่หนึบหนับสนุกมากๆ

Product Specification (สเปคคร่าวๆ)

• ตอบสนองความถี่ (FREQUENCY RANGE) : 52 – 20,000 Hz
• ปุ่ม Control (Front) : Volume , Bass , Treble
• STEREO/MONO : Stereo
• MAXIMUM SOUND PRESSURE LEVEL : 100.4 dB @ 1 m
• CABINET PRINCIPLE : Bass-reflex
• POWER AMPLIFIERS : 1x 20 Watt Class D amplifier for the woofer , 2 x 8 Watt Class D amplifiers for the tweeters
• DIMENSION : 243 x 162 x 140 mm
• WEIGHT : 2.5 kg
• BATTERY : เล่นต่อเนื่องสูงสุด 20+ ชม.
• CHARGING TIME : 2.5 ชม.

Product Include (อุปกรณ์ภายในแพคเกจ)

• ลำโพง Marshall Kilburn II Bluetooth Speaker 
• ปลั๊กไฟ
• คู่มือแนะนำการใช้งานเบื้องต้น
• คู่มือมาตรฐานความปลอดภัยการใช้งานต่างๆ

Warranty (เงื่อนไขประกันสินค้า)

• รับประกัน 1 ปี ภายใต้เงื่อนไขที่ทาง Marshall กำหนด
• *** ในส่วนของอะไหล่ เเละสายชาร์จที่มากับตัวลำโพงจะมีระยะประกันอยู่ที่ 7 วัน
• คุณลูกค้าต้องเก็บตัวสินค้าไว้ให้ครบไม่ว่าจะเป็น กล่อง/ซองแพคเกจจิ้ง, ตัวลำโพง, สายสัญญาณ รวมไปถึง คู่มือการใช้งาน
• หากตัวสินค้าเสียหายจากขั้นตอนการผลิตของทางโรงงาน เปลี่ยนตัวใหม่ให้ทันที
• สินค้าต้องไม่มีตำหนิจากการใช้งานผิดวิธี, ตำหนิเสียหายจากการใช้งานของลูกค้า, ร่องรอยการกระแทก หรือการขูดขีดอย่างรุนแรง
• หากเป็นปัญหาจากการใช้งานของคุณลูกค้าไม่ว่าจะเป็น สายขาดใน, แจ็คหัก, เปิดเสียงดังจนเสียงแตก, เบิร์นลำโพงผิดวิธี(ใช้แอพเบิร์นหรือคลื่นเสียงประเภท Sine Sweep, Pink Noise, White Noise) จนดอกลำโพงเสียหาย จะไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกัน
• สินค้ารุ่นนี้มีมาตรฐานการกันนํ้าที่ IPX2 ซึ่งสามารถกันได้แค่ละอองน้ำเล็กน้อยเท่านั้น หากสินค้าเสียหายจากอาการนํ้าเข้าในทุกกรณี จะไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกัน
• อาการกระตุกของสัญญาณขณะใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีสัญญาณของอุปกรณ์ไร้สายเยอะๆ เช่น ออฟฟิตขนาดใหญ่ ***เช่น กำลังฟังเพลงอยู่แล้วสัญญาณขาดหายแล้วกลับมาเป็นปกติ *** จะไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกัน

ขั้นตอนการเคลมสินค้า

ขั้นตอน 1 กรอกแบบฟอร์มการรับประกัน https://warranty.ash-asia.com/wholesale-warranty-claim/
เพื่อรับบริการรับประกัน โปรดติดต่อตัวแทนฝ่ายบริการลูกค้าของบริษัท Ash asia ("CSR") โดยกรอกแบบฟอร์มเรียกร้อง ( https://warranty.ash-asia.com/wholesale-warranty-claim/) หรือทางอีเมลที่ [email protected]

ขั้นตอน 2 รับหมายเลข Claim ID (WSCI- xxxx ) สำหรับผลิตภัณฑ์ของคุณ
โปรดอย่าส่งคืนสินค้าใด ๆ หากไม่ได้รับหมายเลข RMA เนื่องจากทางบริษัท Ash asia ไม่สามารถติดตามสินค้ากับคุณและอาจสูญหายหรือถูกวางผิดที่ หากสินค้าใดถูกส่งคืนโดยไม่มีหมายเลข RMA ที่ถูกต้องทางบริษัท Ash asia จะไม่รับผิดชอบต่อสินค้าของคุณหากสินค้าเสียหายหรือสูญหาย

ขั้นตอน 3 จัดส่งผลิตภัณฑ์ของคุณไปยังศูนย์บริการของบริษัท Ash asia
กรุณาแพ็คสินค้า + อุปกรณ์ทั้งหมดลงกล่อง พร้อมจ่าหน้ากล่องว่า

ฝ่ายเคลมสินค้า และแจ้ง Claim ID
ที่อยู่ บริษัท แอชเอเชีย อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
ห้อง 2301 ชั้น 23 อาคารเดอะมิลเลนเนียทาวเวอร์ 62 ซ.หลังสวน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
โทร. 02-252-2990 ต่อ 105 (เบอร์สำนักงาน)
โปรดแน่ใจว่าหมายเลข Claim ID ( WSCI- xxxx ) ถูกพิมพ์อย่างชัดเจนบนกล่อง!

ขั้นตอน 4 บริษัท Ash asia ทำการประเมินผลิตภัณฑ์ของคุณและเตรียมการแก้ไขปัญหา
เมื่อได้รับและดำเนินการตามคำขอรับประกันของคุณแล้วคุณจะได้รับอีเมลยืนยันจากบริษัท Ash asia และช่างเทคนิคป้องกันตัวเลือกจะประเมินผลิตภัณฑ์ของคุณ โปรดทราบว่าโดยทั่วไปบริษัท Ash asia จะให้การยืนยันภายใน 2-3 วันทำการ อย่างไรก็ตามในช่วงที่มีความต้องการใช้งานสูงสุดอาจใช้เวลาถึง 10 วันทำการ เพื่อให้บริษัท Ash asia ตอบกลับคุณ เมื่อบริษัท Ash asia ประมวลผลผลิตภัณฑ์ของคุณแล้วให้ซ่อมแซมเวลาตอบสนองโดยเฉลี่ย 5 วันทำการ