Libratone TRACK Air+

หูฟังไร้สาย Active Noise Cancelling

กันนํ้า IPX4 รองรับ aptX™

บัลลังก์ ANC ต้องสั่นคลอน

425 Recommend

• Libratone TRACK Air+ นับว่าเป็นหูฟัง True Wireless ที่เกิดมาเพื่อต่อกรกับ Sony WF-1000XM3 อย่างแท้จริง ซึ่งฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ Libratone TRACK Air+ จะเป็นอะไรไม่ได้นอกจากโหมดตัดเสียงรบกวน (Active-Noise Cancelling) ที่ตัดเสียงสภาพแวดล้อมรอบข้างออกไปขณะที่เราสวมใส่ ทำให้ไม่มีเสียงสภาพแวดล้อมที่น่ารำคานมากวนใจขณะที่เรากำลังมันส์กับการฟังเพลงครับ
• สิ่งแรกที่ทีมงาน 425 ชอบมากๆทันทีที่ได้เห็นหน้าตาของมันคือ ขนาดกล่องชาร์จฯของ Libratone TRACK Air+ มีขนาดที่ “เล็กมากๆ” เล็กขนาดที่มือของผู้เขียนสามารถกำได้มิดพอดี หรือขนาดเท่าเพียงไข่ไก่หนึ่งฟองเท่านั้น ทำให้เวลาพกไปไหนมาไหนก็ง่ายแสนง่าย กินพื้นที่น้อยมากๆครับ

• นอกจากความเล็กกระทัดรัดของกล่องชาร์จฯแล้ว กล่องชาร์จฯของ Libratone TRACK Air+ ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์เอาใจคนรักสบายอย่าง การรองรับการชาร์จไร้สายฯ หรือ Wireless Charging หากใครมีแท่นชาร์จ Wireless จะทำให้การชาร์จแบตฯของเจ้า Libratone TRACK Air+ นั้นง่ายขึ้นเป็นกองเลยครับ

• รูปทรงตัวหูฟังเองก็ใส่ได้สบายมากๆ สบายน้อยกว่า Airpods แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น อีกทั้งยังมีน้ำหนักที่เบา ทำให้เวลาส่วมใส่ไม่มีอาการกดหูเรา สามารถใส่ฟังเพลงได้นานเลยครับ

• นอกจากนี้แล้ว Libratone TRACK Air+ ยังมีโหมดรับเสียงภายนอกหรือ(Ambient Monitoring) เพื่อใช้รับเสียงภายนอกผ่านหูฟังทั้งสองข้าง ใช้ฟังเสียงรถเสียงรถรา หรือใช้สนทนากับคนอื่นโดยที่ไม่ต้องถอดหูฟังออกจากหู และให้คุณภาพเสียงที่ชัดเจน ใช้งานง่ายมากๆครับ

• สิ่งที่ว้าวอีกหนึ่งข้อเลยคือ Libratone TRACK Air+ มาพร้อมกับมาตรฐานการกันนํ้าระดับ IPX4 (Sweat and Splash Proof) ที่สามารถใส่ออกกำลังกายเหงื่อเล็กน้อย หรือหยาดเหงื่อจากอากาศร้อนๆอย่างบ้านเราได้ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่มีแล้วอุ่นใจจริงๆครับ
• เจ้า Libratone TRACK Air+ ยังรองรับการใช้งานร่วมกับ Application ของ Libratone ได้ เพื่อใช้เข้าถึงฟีเจอร์ทั้งหมดของหูฟังตัวนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดูข้อมูลต่างๆของหูฟัง, ปรับแต่งเสียง, ปรับแต่งปุ่มฟังชั่น และอีกมากมาย ทำให้เราสามารถควบคุมฟีเจอร์ได้ทั้งหมดผ่าน Application เพียงตัวเดียวเท่านั้น แถมหน้าตาการใช้งานของมันก็สามารถใช้งานได้ง่ายมากๆอีกด้วยครับ
• และนี่เป็นหูฟัง True Wireless ตัดเสียงรบกวนหรือ Noise Cancelling ระดับ Hi-END ที่น่าจับตามองและน่าใช้มากๆในตอนนี้ครับ

Libratone ’s Story

• เมื่อปี 2009 Libratone ได้เริ่มภารกิจหลักในการปลดปล่อยเสียงเพลงโดยการสร้างและพัฒนาเทคโนโลยีไร้สายที่สามารถเพลิดเพลินได้ทุกที่ทุกเวลา 
• ทุกๆผลิตภัณฑ์ที่ทาง Libratone ผลิตออกมานั้น สร้างมาจากแรงบัลดาลใจและความหลงไหล รวมไปถึงการผสมผสานนวัตกรรมทางด้านวิศวกรรมและการออกแบบมาเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นลำโพงไร้สายหรือหูฟังไร้สายตัดเสียงรบกวนรอบข้าง 
• Libratone มุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์และผลักดันศักยภาพไร้สายให้เกินขีดจำกัดเพื่อสร้างเสียงที่สมบูรณ์และสมจริง
• Libratone มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุง Copenhagen ประเทศ Denmark อีกทั้งยังมี Office อยู่ใน สาธารณรัฐประชาชนจีน, สหราชอาราชอาณาจักร, ประเทศเยอรมันนี, สหรัฐอเมริกา และ ประเทศฝรั่งเศส
• แบรนด์ Libratone เป็น 1 ในแบรนด์ที่ทาง Apple ยอมให้เข้าไปจำหน่ายใน Apple Store แปลว่าผลิตภัณฑ์ของทางแบรนด์ Libratone นั้นมีคุณภาพ มีมาตรฐานการ QC ที่ทาง Apple ยอมรับครับ

Libratone Track Air+ 's Highlight

• ระบบตัดเสียงรบกวน (Active Noise Cancelling)
• ระบบรับเสียงภายนอก (Ambient Monitoring) 
• รองรับ aptX
• กันนํ้า Sweat and splash proof (IPX4)
• มี Wearing Sensor ตรวจจับการสวมใส่
• รองรับการใช้งานร่วมกับ Libratone Application (iOS&Android)
• กล่องชาร์จฯรองรับ Wireless Charging

• เล่นต่อเนื่องได้สูงสุด 24 ชั่วโมง

Product Specification (ข้อมูลจากคู่มือภายในกล่อง)

• แบรนด์ : Libratone
• รุ่น : TRACK Air+
• บลูทูธ : เวอร์ชั่น 5.0
• Codec ที่รองรับ : SBC,aptX
• การกันนํ้า : Sweat and Splash Proof (IPX4)
• การตัดเสียงรบกวน : มี (สูงสุดถึง 30 เดซิเบล)
• Wireless Charging : มี (กล่องชาร์จฯ)
• ไดร์เวอร์ : Dynamic ขนาด 5.9 มม.
• ความไวในการตอบสนอง : 102dB@1mW,1kHz
• ย่านความถี่ที่ตอบสนอง : 20-20,000Hz
• เล่นต่อเนื่อง : สูงสุด 6 ชั่วโมง
• กล่องชาร์จฯ : ชาร์จได้สูงสุด 3 รอบ
• นํ้าหนัก : หูฟัง 5.6 กรัม (ต่อข้าง), กล่องชาร์จ 39 กรัม

Gallery :

Sound Review (เป็นความคิดเห็นของทีมงาน 425 นะครับ)

• เสียงเบส : เสียงย่านตํ่าหรือเสียงย่านเบสออกหนาเป็นลูกใหญ่ๆ มีผิวที่นุ่มและเนียน ลงได้ลึก เก็บตัวไว และไม่กวนกับย่านเสียงอื่นๆ ได้ยินเสียงโน๊ตในเครื่องดนตรีย่านนี้อย่างชัดเจน มีแรงปะทะระดับพอดี สัมผัสนุ่ม เป็นย่านเสียงที่ให้ความสนุกและความเร้าใจได้ดีมากๆครับ
• เสียงกลาง/เสียงร้อง : เสียงย่านกลางสามารถได้ยินรายละเอียดได้อย่างชัดเจน ให้โทนที่สว่าง เสียงเปียโนหรือเนื้อเสียงกีต้าร์แยกมิติได้อย่างลงตัว กลมกล่อม เสียงร้องมีความจัดจ้าน ฟังดูลื่นไหลไปกับเสียงดนตรีรอบๆได้ดี มีความฉํ่า ปลายเสียงทอดออกไปได้สวยงามมากๆครับ
• เสียงแหลม : ช่วงเสียงแหลมให้เนื้อเสียงที่นุ่มนวล ไหลลื่น และมีรายละเอียดที่ได้ยินอย่างชัดเจน ให้ความสว่างได้ดีมากๆ มีความชุ่มฉํ่า ปลายทอดได้ไกลและออกเป็นประกายฝอยๆ เสียงฉาบแฉหรือเครื่องทองเหลืองต่างๆขับออกมาได้เต็ม ได้ยินออกเป็นเม็ด sustain ยาว ไม่เสียดหู และดังในมิติที่ฟังดูลงตัวดี ฟินมากๆครับ
• Sound Stage : ซาวด์สเตจให้ความกว้างได้ในระดับปานกลางเกือบๆกว้างมาก ให้ความโปร่งแบบพอดีๆ แยกเลเยอร์เสียงดนตรีแต่ละเสียงได้อย่างดี ฟังดูไม่ถูกบดบัง แต่ก็ไม่ได้กระจายออกไปจนเวอร์วังอลังการ เรียกว่าดูสดและสมจริงมากกว่าครับ
• สรุป : Libratone Track Air+ เป็นหูฟังที่ให้คุณภาพเสียงที่สุดยอดอีกตัวนึง ฟังสนุกสุดติ่ง เหมาะกับฟังเพลงตลาดทั่วไป หรือเพลงฝรั่ง billboard ต่างๆ หรือจะเพลง Jazz ก็ดี ให้ฟิลลิ่งอุ่นๆ วอร์มๆ ฟังแล้วฟินมากๆครับ

Phone Calls Review (เป็นความคิดเห็นของทีมงาน 425 นะครับ)

• การคุยโทรศัพท์จัดว่าดีเลยครับ สามารถได้ยินเสียงปลายสายได้อย่างชัดเจน เสียงเนียน ฟังง่าย ชัดถ้อยชัดคำ น้องๆแบบใช้โทรศัพท์แนบกับหูเลยครับ
• เสียงไมโครโฟนของ Libratone Track Air+ ให้เสียงได้ชัดเจน ออกดังในแบบพอดี ขณะทดสอบพบว่าการลดสัญญาณรบกวนขณะคุยโทรศัพท์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสียงพูดดังกว่าเสียงรถที่วิ่งผ่านไปมา แต่ก็มีบางจังหวะที่เสียงรบกวนอาจดังขึ้นมาพอสมควร แต่เสียงพูดยังอยู่ในระดับที่ฟังง่าย ถือว่าใช้คุยได้ดีมากๆครับ

***เพิ่มเติม : ขณะคุยโทรศัพท์ ไมโครโฟนจะทำงานช้างซ้ายครับ
***การทดสอบ : นอกอาคาร ข้างถนนใหญ่และมีคนพลุกพล่าน

วิธีการใช้งาน

การเชื่อมต่อ Bluetooth ครั้งแรก

• เปิดฝากล่องชาร์จฯ Libratone Track Air+ ไฟกล่องชาร์จฯสีขาวบริเวณตรงกลางจะกระพริบอย่างรวดเร็ว
• เปิด Bluetooth ที่อุปกรณ์ของเรา ค้นหาชื่อ “Track Air+ Left แล้วกดเชื่อมต่อ
• หลังจากกดเชื่อมต่อแล้ว จะมีข้อความปรากฏขึ้นมาว่า “ Pair with TRACK Air+ Right ?” ให้เลือก Pair เป็นอันเสร็จสิ้นครับ

การเชื่อมต่อ Bluetooth ครั้งต่อไป

• เปิด Bluetooth ที่อุปกรณ์ของเรา
• หยิบหูฟังทั้งสองข้างออกจากกล่องชาร์จฯขึ้นมาใส่ทั้งสองข้าง
• หากอุปกรณ์นั้นๆเคยเชื่อมต่อกับ Libratone TRACK Air+ มาแล้ว หูฟังจะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์โดยอัตโนมัติครับ

การเชื่อมต่อ Bluetooth กับอุปกรณ์ใหม่

• เปิดฝากล่องชาร์จฯ กดปุ่มฟังชั่นที่อยู่บริเวณตรงกลางกล่องค้างไว้จนมีไฟสีขาวกระพริบอย่างรวดเร็ว
• เปิด Bluetooth ที่อุปกรณ์ของเรา ค้นหาชื่อ “TRACK Air+ Left” แล้วกดเชื่อมต่อเป็นอันเสร็จสิ้นครับ

การเปิดใช้งานหูฟัง (Power On)

• หยิบหูฟังออกจากกล่องชาร์จฯ หูฟังจะเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติครับ

การปิดใช้งานหูฟัง (Power Off)

• เก็บหูฟังลงกล่องชาร์จฯ หูฟังจะตัดการเชื่อมต่อ และปิดการใช้งานโดยอัตโนมัติครับ

การควบคุมเพลง

• เล่นเพลง : แตะหูฟังข้าง L หรือ R สองครั้งติดต่อกัน
• หยุดเพลง : ขณะเพลงเล่น แตะหูฟังข้าง L หรือ R สองครั้งติดต่อกัน

การควบคุมการคุยโทรศัพท์

• รับสาย : เมื่อมีสายเรียกเข้า แตะหูฟังข้าง L หรือ R สองครั้งติดต่อกัน
• วางสาย : ขณะคุยสาย แตะหูฟังข้าง L หรือ R สองครั้งติดต่อกัน

การใช้งานหูฟังข้างเดียว (Mono Mode)

• ขณะใช้หูฟังทั้งสองข้าง เก็บหูฟังข้างขวาลงกล่องชาร์จฯ หูฟังจะเข้าโหมดใช้งานข้างเดียวครับ
• หากจะกลับมาใช้งานสองข้าง ให้หยิบหูฟังข้างขวาขึ้นมาใส่ หูฟังข้างขวาจะจับคู่กับหูฟังข้างซ้ายซึ่งเป็นข้างหลักโดยอัตโนมัติครับ

การเปิดโหมดตัดเสียงรบกวน (Active-Noise Cancelling)

• การเปิดโหมดตัดเสียงรบกวน จำเป็นจะต้องลิงค์กับ application ที่ชื่อ “Libratone” เสียก่อน โดยสามารถโหลดได้จาก App Store (iOS) หรือ Play Store (Android)
• สามารถหมุนปรับระดับความเงียบของ Noise Cancellation ได้จากหน้าแอปฯ Libratone โดยน้อยที่สุดที่ระดับ 1 ไปจนถึงมากที่สุด ระดับ 30 ครับ
• เราสามารถตั้งปุ่มเพื่อเปิดปิดโหมด Noise Cancelling โดยการแตะที่หูฟังได้โดยการตั้งผ่านแอปฯ Libratone ครับ

การเปิดโหมดรับเสียงภายนอก (Ambient Monitoring)

• การเปิดโหมดตัดเสียงรบกวน จำเป็นจะต้องลิงค์กับ application ที่ชื่อ “Libratone” เสียก่อน โดยสามารถโหลดได้จาก App Store (iOS) หรือ Play Store (Android)
• ข้างล่างรูปวงกลมที่ใช้ปรับระดับความเงียบของ Noise Cancellation จะมีโหมดให้กดเลื่อกอยู่สามโหมด กดเลือกตัวเลือกขวาสุดนับจากซ้าย จะเป็นการเปิดโหมดรับเสียงภายนอก หรือ Ambient Monitoring ครับ
• เราสามารถตั้งปุ่มเพื่อเปิด-ปิดโหมด Ambient Monitoring โดยการแตะที่หูฟังได้ โดยการตั้งผ่านแอปฯ Libratone ครับ

การเปิดโหมด Smart Noise Cancelling

• โหมด Smart Noise Cancelling คือโหมดปรับระดับความเงียบของ Noise Cancelling แบบอัตโนมัติ โดยหูฟังจะทำการวัดระดับความดังของเสียงรอบๆตัวของเรา เพื่อปรับ Noise Cancelling ในระดับที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมนั้นๆให้เราเองโดยอัตโนมัติ เพื่อการใช้พลังงานของหูฟังที่น้อยลงครับ
• เราสามารถเปิดโหมด Smart Noise Cancelling ได้โดยการเปิดผ่านแอปฯ โดยจะมีตัวเลือกสามตัวเลือกใต้ที่หมุนปรับระดับความเงียบของ Noise Cancelling ให้เลือกตัวเลือกตรงกลาง หรือตัวเลือกที่สองนับจากซ้าย จะเป็นการเปิดโหมด Smart Noise Cancelling ครับ

การใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชั่น Libratone

• Download แอปพลิเคชั่น Libratone จาก App Store (iOS) หรือ Play Store (Android)
• ให้ทำการเชื่อมต่อ Bluetooth กับอุปกรณ์ของเราให้เรียบร้อย หยิบหูฟังทั้งสองข้างขึ้นมาใส่ที่หูทั้งสองข้างก่อนกดเข้าแอปฯครับ
• เมื่อเข้าแอปฯมาแล้ว ให้ทำการ Log in โดยเลือก Log in ตาม platform ที่เราต้องการได้เลย
• เมื่อ log in เข้ามาแล้ว เราจะเห็นชื่อหูฟัง “TRACK Air+” พร้อมรูปภาพหูฟังใต้ชื่อปรากฏขึ้น ให้กดเลือกเข้าไป เราจะเข้าส่วนของเมนูฟีเจอร์ต่างๆ ที่สามารถเปิด-ปิดได้ตามต้องการครับ

เมนูต่างๆและหน้าที่การทำงานในแอปฯ Libratone

หน้าหลัก 

• ส่วนที่ 1 : แถบวงกลมที่ใช้หมุนปรับระดับความเงียบของ Noise Cancelling โดยจากระดับตํ่าสุดคือระดับที่ 1 ไปยังระดับมากที่สุดระดับที่ 30 ครับ
• ส่วนที่ 2 : แถบที่ใช้ปรับโหมด Noise Cancelling, Smart Noise Cancelling และ Ambient Monitoring เรียงจากซ้ายไปขวา สามารถเลือกปรับได้ทั้งสามโหมดครับ
• ส่วนที่ 3 : เมนู Setting ใช้เข้าไปตั้งค่าส่วนอื่นๆของหูฟังโดยมีดังนี้ครับ 

• การปรับแต่งเสียง (Voicing) (1)
•  - ธรรมชาติ (Neutral) 
•  - เพิ่มเสียงย่านเบส (Extra Bass)
•  - เพิ่มเสียงย่านแหลม (Enhanced Treble)
• เปิด-ปิด sersor ตรวจจับการสวมใส่ (Wear Detect) (2)
• ตั้งค่าปุ่มฟังชั่นต่างๆบนหูฟัง (Gesture Control) (3)
• เวอร์ชั่นของ Firmware (4)
• Serial Number ของหูฟัง (5)
• การเปลี่ยนจับคู่หูฟังกับหูฟังคู่ใหม่ในรุ่นเดียวกัน (Pair Another) (6)
• ลงทะเบียนสินค้า (Register Product) (7)
• การรีเซ็ตค่าโรงงาน (Factory Reset) (8)
• คู่มือการใช้งาน (Product Manual) (9)

การปรับแต่งเสียง (Voicing)

• ให้แตะที่บริเวณดังรูปครับ

• เมื่อเข้ามาแล้ว เราสามารถปัดซ้าย-ขวาเพื่อเลือกเสียงแบบที่ต้องการได้ โดยจะมีอยู่ทั้งหมด 3 แบบครับ

• แบบแรกคือ Neutral ให้เสียงแบบธรรมชาติ แบบที่สองคือ Extra Bass เพิ่มย่านเสียงเบส และแบบที่สาม Enhanced Treble เพิ่มเสียงย่านแหลมครับ

เปิด-ปิด sensor ตรวจจับการสวมใส่ (Wear Detect)

1. การเปิด-ปิดเซ็นเซอร์ตรวจจับการสวมใส่สามารถทำได้หากเราไม่ต้องการให้เซ็นเซอร์ทำงานเมื่อเราถอดหูฟังออกจากหู
2. หากเปิด ขณะที่เราใช้งานหูฟัง เมื่อเราถอดหูฟังออกจากหู หูฟังข้างนั้นๆจะหยุดใช้งานทันที และเมื่อใส่กลับ หูฟังก็จะทำงานต่อจากที่หยุดไว้โดยอัตโนใัติครับ
3. หากปิด ขณะที่เราใช้งานหูฟัง เมื่อเราถอดหูฟังออกจากหู หูฟังจะยังคงทำงานต่อไปครับ

การตั้งค่าปุ่มฟังชั่นต่างๆบนหูฟัง (Gesture Control)

• ให้กดเลือก Tap ที่หน้าเมนู setting ครับ

• เมื่อเข้ามาแล้ว จะเข้าสู่หน้าเมนูดังภาพ
• เราสามารถตั้งฟังชั่นต่างๆที่หูฟังแต่ละข้างได้ข้างละ 1 ฟังชั่น โดยการแตะใช้งานจะเป็นการแตะ 2 ครั้งเสมอครับ

การ Reset Factory

• กดเลือกเมนู Reset Factory ดังภาพครับ

• จะมีข้อความขึ้นมา ให้เลือก “Yes” เป็นอันเสร็จสิ้นการ Reset Factory ครับ

การตรวจสอบแบตเตอรี่ที่หลงเหลืออยู่ของกล่องชาร์จฯ

• กดปุ่มฟังชั่นที่อยู่บริเวณกลางกล่องชาร์จฯ 1 ครั้ง หากไฟสีขาวกระพริบ 1 ครั้ง กล่องชาร์จฯมีแบตเตอรี่เหลือมากกว่า 50% หากไฟสีแดงกระพริบ กล่องชาร์จฯมีแบตเตอรี่เหลือน้อยกว่า 20% ครับ

การชาร์จแบตเตอรี่

หูฟัง

• เก็บหูฟังทั้งสองข้างลงกล่องชาร์จฯ กล่องชาร์จฯจะกระพริบไฟสีขาว 1 ครั้งเพื่อตอบสนองครับ

กล่องชาร์จฯ

• เสียบสายชาร์จ USB Type-C กับกล่องชาร์จฯ แล้วต่อเข้ากับ adaptor หรือพอร์ต USB ที่คอมพิวเตอร์ครับ
• ขณะชาร์จ กล่องชาร์จฯจะขึ้นไฟสีขาวค้าง
• เมื่อชาร์จเต็มแล้ว ไฟสีขาวจะดับไปครับ

***ข้อควรระวัง : เพื่อการใช้งาน Libratone TRACK Air+ ได้ยาวนานยิ่งขึ้น ก่อนทำการเก็บหูฟังทั้งสองข้างลงกล่องชาร์จฯเพื่อชาร์จแบตฯ หากตัวหูฟังทั้งสองข้างผ่านการเลอะนํ้าหรือเหงื่อมา ควรเช็ดให้แห้งก่อนเก็บเข้ากล่องชาร์จฯทุกครั้ง เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของแกนฯชาร์จทองแดงครับ

ไฟสถานะต่างๆ

• หูฟังอยู่ในโหมด Pairing : ไฟ LED กล่องชาร์จฯกระพริบไฟสีขาวอย่างรวดเร็ว
• การตอบสนองของกล่องชาร์จฯต่างๆ : กล่องชาร์จฯกระพริบไฟสีขาว 1 ครั้ง
• กล่องชาร์จฯมีแบตเตอรี่เหลือมากกว่า 50% : กล่องชาร์จฯกระพริบไฟสีขาว 1 ครั้ง
• กล่องชาร์จฯแบตเตอรี่ใกล้หมด :กล่องชาร์จกระพริบไฟสีแดง
• กล่องชาร์จกำลังอัพเดท Software : กล่องชาร์จกระพริบไฟสีขาวสลับแดง

Product Include (อุปกรณ์ภายในกล่อง)

• หูฟัง Libratone TRACK Air+ จำนวน 1 คู่
• กล่องชาร์จฯ Libratone TRACK Air+ จำนวน 1 อัน
• สาย USB Type-C จำนวน 1 เส้น
• จุกหูฟังจำนวน 4 คู่ (รวมที่ติดตั้งอยู่บนหูฟัง) (XS/S/M/L)
• คู่มือต่างๆ จำนวน 4 เล่ม

Warranty (เงื่อนไขประกันสินค้า)

• รับประกัน 1 ปี ภายใต้เงื่อนไขที่ทาง Libratone กำหนด
• ในส่วนของอุปกรณ์ต่างๆที่มากับตัวกล่องสินค้าเช่น จุกหูฟังทั้ง 3 ไซส์,สายชาร์จ USB Type-C มีระยะการรับประกันภายใน 7 วัน
• ผู้ใช้งานจำเป็นต้องเก็บตัวสินค้าเอาไว้ให้ครบ ไม่ว่าจะเป็นกล่อง Package สินค้า, ซองแพ็คเกจจิ้ง,ตัวหูฟัง รวมทั้งอุปกรณ์เสริมอื่นๆของสินค้าที่มากับตัวกล่องฯเอาไว้ให้ครบถ้วน
• ***หากตัวสินค้าเสียหายจากขั้นตอนการผลิตของโรงงานเช่น มีตำหนิ, สีลอก หรือมีร่องรอยที่ทำให้สภาพสินค้าไม่สมบูรณ์ตั้งแต่เปิดกล่องฯครั้งแรก จะมีระยะการรับประกันภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับสินค้า หากเกินหลังจากนี้ จะไม่รับประกันในทุกกรณี
• สินค้าจะต้องไม่มีร่องรอยจากการถูกขีดข่วนอย่างรุนแรง รอยตกกระทบ หรืออื่นๆที่เกิดจากผู้ใช้งานเอง
• หากเป็นปัญหาที่เกิดจากการใช้งานของผู้ใช้งานเองเช่น ก้านหูฟังหัก,ฝากล่องชาร์จหัก,ส่วนของหูฟังเสียหาย ,เปิดเสียงดังจนเสียงแตก, เบิร์นหูฟังผิดวิธี (ใช้แอปฯเบิร์นหรือคลื่นเสียงประเภท Sine Sweep, Pink Noise, White Noise) จนหูฟังเสียหาย จะไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกันครับ
• ปัญหาการคุยโทรศัพท์ที่เป็นเสียงฟังไม่รู้เรื่อง แต่เมื่อเปิด-ปิดใหม่อีกรอบแล้วสามารถคุยได้ตามปกติ จะไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกันครับ
• ***สินค้าดังกล่าวมีมาตรฐานการกันนํ้าระดับ IPX4 กล่าวคือ สามารถกันละอองนํ้าเล็กๆน้อยๆได้ มาตรฐานการกันนํ้าดังกล่าวออกแบบมาให้ใช้กันเหงื่อจากการออกกำลังกายในปริมาณเหงื่อเล็กน้อยเท่านั้น ไม่แนะนำให้ใส่ ว่ายนํ้า,อาบนํ้า,ใส่วิ่งตากฝน ซึ่งอาจมีมีปัจจัยอื่นๆที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายกับตัวสินค้าได้ ผู้ใช้งานจะต้องรับความเสี่ยงเองหากมีความต้องการใช้งานหูฟังขณะทำกิจกรรมดังกล่าว และจะไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกันหากตัวสินค้าเสียหายจากการใช้งานในกิจกรรมดังกล่าวครับ