Jabra Elite Active 75T

กันนํ้า-ฝุ่นระดับ IP57 ไมค์ 4 ตัว

"เก่งรอบด้าน"

425° Recommend :

ทีมงาน 425° กับหูฟังไร้สายฯ Jabra Elite Active 75T

• เอาจริงๆตั้งแต่แอดมิน work from home ก็รู้สึกว่าสภาพแวดล้อมมันเอื้ออำนวยให้ทดสอบใช้งานหูฟังไร้สายฯได้เต็มที่กว่าทำที่ออฟฟิศ ซึ่งก็ได้มีโอกาสใช้ชีวิตอยู่กับ Jabra Elite Active 75T อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะใส่ฟังไปทำงานไป ใส่ขี่มอไซต์ไปซื้อกาแฟ ใส่คุยโทรศัพท์กับเพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่ใส่ออกกำลังกายกันจริงๆ ซึ่ง Jabra Elite Active 75T ตั้งใจจะเป็น “หูฟังออกกำลังกายที่ดีที่สุด” แต่เท่าที่แอดมินทดสอบใช้ แอดมินว่ามันคือหูฟังที่ “ตอบโจทย์รอบด้านมากที่สุด” มากกว่า ไม่ว่าท่านจะเน้นใส่ออกกำลังกาย ใส่คุยโทรศัพท์ หรือใส่ฟังเพลงเพลินๆมันก็ล้วนทำหน้าที่ของมันได้ดีมาก วันนี้แอดมินจะมาเล่าประสบการณ์การใช้งานเจ้า Jabra Elite Active 75T กันแบบใช้จริงๆให้ชมกันครับ

สิ่งที่ 75T ไม่มี แต่รุ่น Active 75T มี..”วัสดุกันลื่นใหม่ Grip Coating ใส่กระชับกว่าเดิมแม้โดนเหงื่อ..”

• เรียกว่าแก้ปัญหาผู้ที่ใส่หูฟังออกกำลังกายแล้วเหงื่อไหลเข้าไปในหู อันเป็นเหตุให้หูฟังเกิด “ลื่น” จนสูญเสียความกระชับขณะสวมใส่ หากจับรุ่น 75T ธรรมดาและรุ่น Active 75T มาลูบคลำเทียบดูจะรู้สึกถึงความต่างของเนื้อวัสดุทั้งกล่องชาร์จและส่วนชั้นในของตัวหูฟังทั้งสองข้าง ซึ่งในรุ่น Active 75T เค้ามีการเคลือบสารกันลื่น (Grip Coating) ที่ผิว มันจะมีความหนืดความด้านเล็กน้อย ซึ่งแอดมินลองใส่วิ่งสวนหน้าบ้านให้เหงื่อมันไหลเข้าไปในหูก็พบว่า “ยังรู้สึกกระชับอยู่” ยังวิ่งได้อย่างมั่นใจ ซึ่งเป็นอะไรที่ตอบโจทย์คนใส่หูฟังแล้วหลุดขณะออกกำลังกายมากๆ วัสดุและการเคลือบตัวหูฟังเค้าดีจริงครับ

สิ่งที่ 75T ไม่มี แต่รุ่น Active 75T มี.. “เพิ่มการกันนํ้าและฝุ่นเป็นระดับ IP57”

• Active 75T มาพร้อมกับการกันนํ้าและฝุ่นระดับ IP57 ซึ่งเลข “5” ตัวแรกหมายถึงสามารถกันฝุ่นได้ในระดับ 5 และเลข “7” หมายถึงมันสามารถทนนํ้าได้ถึงระดับ 7 รองรับการใช้งานตอนออกกำลังกายที่ฮาร์ดคอร์มากยิ่งขึ้น ใครที่ออกกำลังกายแล้วเหงื่อไหลเยอะๆ ก็สามารถใส่ Active 75T ได้สบายๆโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าหูฟังจะโดนเหงือทำร้าย อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงคิดว่า “งั้นรุ่น Active 75T คือรุ่นสำหรับการออกกำลังกายน่ะสิ..?” มันไม่ถูกซะทีเดียว แอดมินไม่ใช่คนที่ออกกำลังกายบ่อย แต่ถ้ามีงบถึง เป็นแอดมินก็จะเลือก Active 75T เพราะยอมเสียตังอีกหน่อยแต่ได้การป้องกันระดับ IP57 ยังไงมันอุ่นใจกว่าเวลาใช้งาน เพราะมันเป็นตัวการันตีเลยว่าหูฟังจะมีอายุ “ยืนยาวกว่า” ในการใช้งานในชีวิตประจำวันแบบปกติครับ

เบสลูกเบ้อเร่อเหมือนเดิม และหนักที่สุดในบรรดาหูฟัง true wireless ที่แอดมินเคยฟัง..

• ในเรื่องของโทนเสียงระหว่าง 75T และ Active 75T เรียกว่า “เหมือนกันเด๊ะ” แต่แอดมินเสพติดเสียงเบสของ Jabra Elite Active 75T มากๆ โดยเฉพาะเวลาใช้ฟังเพลงแนวๆ Billie Eilish อย่างเพลง “Bad Guy” หรือ The Weekend เพลง “In Your Eyes” ขอบอกว่าลงตัวสุดๆ เสียงกลองกระแทกมันส์มากๆ เบสก็ลูกใหญ่ปะทะแรงเหมือนโดนชก มิติลงลึกเหมือนอยู่ในผับที่เปิดเพลง EDM รายละเอียดเสียงดนตรียิบย่อยก็ออกชัดพอหอมปากหอมคอ
• หากใครชอบฟังเน้นเสียงเบสมันส์ๆ โดยไม่ใช่คนพิถีพิถันเรื่องรายละเอียดเสียงว่า “ไดนามิคต้องสมจริง” หรือมี “เสียงฮาร์โมนิคที่เป็นธรรมชาติที่สุด” ต้องลองโดน Jabra Elite Active 75T รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนครับ

การใช้งานทั่วไปเยี่ยมยอด..จะดูหนัง ฟังเพลง คุยโทรศัพท์ ก็ดีจนต้องยกนิ้วให้..

• ยังคงมาพร้อมไมโครโฟนข้างละ 2 ตัวรวม 4 ตัว โดยคู่นึงจะทำหน้าที่เป็นตัวรับเสียงพูดของเราและอีกคู่นึงจะทำหน้าที่ตัดเสียงรบกวนขณะเราคุยสาย เรื่องคุณภาพการคุยโทรศัพท์ถือว่าดีเหมือนๆกับตัว 75T ซึ่งแอดมินแอบเสียดายเล็กน้อยเรื่องการใช้งานหูฟังข้างเดียว เพราะมันใช้ได้แค่ข้าง R เท่านั้น แถมใส่ข้างเดียวจะทำให้ความคมชัดการคุยโทรศัพท์ลดลงเล็กน้อย (เนื่องจากขาดไมค์อีกข้างนั่นเอง) แอดมินว่าใช้หูฟังสองข้างคุยโทรศัพท์จะให้เสียงที่ดีที่สุด หากใครคิดว่าใส่สองข้างแล้วมันจุกๆหู พูดไม่ได้ยินเสียงตัวเองก็ไม่เป็นไรครับ เพราะเจ้า Active 75T สามารถเปิด “sidetone” ที่จะทำให้เราได้ยินเสียงตัวเองพูดได้ขณะคุยโทรศัพท์ เปิดแล้วพูดสบายและง่ายขึ้นเยอะครับ

สมกับคำว่า “versatile true wireless earbuds” หรือ “หูฟังไร้สายที่ใช้งานได้หลากหลาย..”

• ฟีเจอร์ยิบย่อยที่ช่วยให้ชีวิตของเราง่ายขึ้นไม่ว่าจะเป็น “เซ็นเซอร์ถอดหยุด-ใส่เล่น” (Auto-Pause Music) ที่ตอบสนองได้ไวมาก ถอดปุ๊ปหยุดปั๊บ เช่นเดียวกับ“ระบบดูดเสียงภายนอก” ที่กดที่หูฟังข้าง L เพียงครั้งเดียวก็ได้ยินเสียงรอบตัวทันที และเสียงฟังดูเป็นธรรมชาติด้วย ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการขั้นพื้นฐานของผู้ใช้งานหูฟังไร้สายฯได้แทบทุกข้อ เป็นหูฟังไร้สายฯที่ครบรสที่สุด ตอบโจทย์การใช้งานได้มากกว่าการเป็นแค่ “หูฟังออกกำลังกาย” ใช้งานได้หลากหลายมากๆครับ

Product Highlight

• ดีไซน์รูปทรงกระทัดรัด มีความเป็น Ergonomic สูง สวมใส่กระชับแน่นกับหูคนส่วนมาก ผ่านการทดสอบตามหลักสรีระศาสตร์มาอย่างดี
• ตัวหูฟังชั้นในใช้วัสดุเคลือบผิวกันลื่น (Grip Coating)
• ตัวหูฟังกันเสียงภายนอกได้ดี ใส่แล้วเงียบ (Passive Noise Isolation)
• มีมาตรฐานรับรองการกันนํ้าและฝุ่นระดับ IP57 รองรับการใส่ออกกำลังกาย
• ไมโครโฟนแบบ MEMS จำนวน 4 ตัว พร้อมเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน Wind Noise Protection
• เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.0
• เชื่อมต่อพร้อมกันได้ 2 อุปกรณ์ และจดจำอุปกรณ์ได้มากสุด 8 อุปกรณ์ (Multi-Use)
• เซ็นเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ ถอดหยุดเพลง-ใส่เล่นเพลงต่อ (Auto Pause Music)
• มีระบบดูดเสียงภายนอก (Hearthrough)
• รองรับ Voice Assistant (Google,Siri และ Alexa)
• รองรับแอปพลิเคชั่น Jabra Sound+ สำหรับตั้งค่าการใช้งานหูฟังต่างๆ
• เล่นต่อเนื่องได้สูงสุด 28 ชั่วโมง (หูฟัง + กล่องชาร์จ)
• มีระบบชาร์จเร็ว หูฟังใช้เวลาชาร์จเพียง 15 นาที สามารถเล่นต่อเนื่องได้สูงสุด 1 ชั่วโมง (Fast Charging)
• ช่องเสียบชาร์จ USB Type-C

Gallery

Jabra Elite Active 75T เหมาะกับใคร ?

• ผู้ที่งบกลางๆไปทางสูง ที่กำลังหาหูฟังไร้สายฯที่ใช้งานได้ดีในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะใช้ฟังเพลงเบสหนักๆ ดูหนัง คุยโทรศัพท์และใส่ออกกำลังกายหนักๆครับ
• หากเลือกไม่ถูกว่าจะเลือก 75T ธรรมดาดีหรือรุ่น Active 75T ดี ในความคิดเห็นส่วนตัวของแอดมินถ้าผู้ใช้งานเน้นซื้อตัวเดียวจบแล้วใช้งานยาวๆ Active 75T จะคุ้มค่ากว่าเพราะกันนํ้าได้ดีกว่ารุ่นธรรมดา และยังใส่กระชับกว่าเพราะเป็นวัสดุกันลื่นด้วย แต่ถ้าไม่ซีเรียสกับการกันนํ้าและฝุ่น IP57 มาก และต้องการประหยัดงบด้วย รุ่น 75T ก็เพียงพอแล้วครับ
• ผู้ที่ชอบหูฟังเบสหนักๆแบบรุกเร้าสะใจ ชอบเสพเสียงเบสเป็นจานหลัก
• ผู้ที่อยากได้หูฟัง true wireless เน้นคุยโทรศัพท์
• ผู้ที่อยากได้หูฟังที่สวมใส่กระชับ ใส่สบาย ใส่ได้เป็นระยะเวลานานๆ

รีวิวเสียง (เป็นความคิดเห็นของทีมงาน 425° นะครับ)

• เสียงเบส : เสียงเบสออกลูกโตมโหราฬมากๆ เสียงหัวโน๊ตชัดเจนเป็นลูกๆ เสียง deepbass ลงลึกมาก หนา และสั่นค้างได้ไกลและเก็บตัวได้เกือบไว มีอิมแพ็คที่รุนแรงและให้ความรู้สึกลึกมาก คล้ายอยู่ในผับที่เปิดเพลง EDM ขนาดใหญ่ ใครชอบเบสนี่ต้องโดนจริงๆ สะใจแน่นอนครับทีมงานการันตีเลย
• เสียงกลาง : เสียงฮาร์โมนิคหรือเสียงโน๊ตเครื่องดนตรีในย่านเสียงกลางเช่นพวกเสียงกีต้าร์ เสียงเปียโน คีย์บอร์ด หรือเสียงกลองสแนร์จะโดนเบสแย่งพื้นที่พอสมควร แต่ยังคงรายละเอียดเสียงโน๊ตเอาไว้ได้อย่างดี มีมวลปานกลาง และฟังออกห่างจากตัวเล็กน้อย มีเนื้อเสียงที่เนียนฟังลื่นหูดีครับ
• เสียงร้อง : เสียงร้องจะถอยหลังพอสมควร และลอยอยู่เหนือวงดนตรีเล็กน้อย แต่ยังได้รายละเอียดของเสียงคำร้องตั้งแต่หัวเสียงยันหางเสียงที่ลากได้ไกลปานกลาง เสียงเอฟเฟคเสียงสะท้อน (Reverb) ฟังชัดเจน ให้อารมณ์ฉํ่าๆมีนํ้ามีนวล เสียงร้องจะไม่จัดจ้านมาก เรียกว่ามีปริมาณพอดีๆมากกว่าครับ
• เสียงแหลม : เช่นเดียวกับเสียงกลางที่ถอยหลังพอสมควร แต่ยังให้ความกรุ๊งกริ๊งและรายละเอียดพวกเสียงฉาบหรือเสียงแฉได้ชัดเจน ลากได้ไกลปานกลาง ให้โทนอุ่นๆ นุ่มๆ เนียนๆฟังสบายหูครับ
• เวทีเสียง&มิติ : เวทีเสียงจัดว่ากว้างทีเดียว และให้ความลึก-ตื้นได้ดีมาก ฟังสบายและโปร่งสุดๆ การแยกเสียงดนตรีสามารถแยกได้ดูมีระยะห่างพอสมควร มีความชัดของตำแหน่งเสียงในระดับปานกลาง เห็นเสียงดนตรีชัดเจนทุกเครื่องดนตรี และฟังจับทีละเสียงดนตรีได้ง่ายครับ
• ภาพรวม : Jabra Elite Active 75T เรียกว่าให้เสียงได้เหมือนๆกับ Jabra Elite 75T กล่าวคือ เป็นหูฟังที่เบสตูมตามที่สุด หนักหน่วงที่สุด และลงลึกที่สุดในร้าน ณ ขณะนี้ เป็นหูฟังเน้นเสียงเบสที่เหมาะกับการฟังเพลง R&B,Pop Music,Hip-Hop,EDM,Synthwave,Lo-Fi หรือเพลงสำหรับออกกำลังกาย (Workout Songs) ซึ่งมันจะตอบสนองต่อเสียงดนตรีอิเล็คทรอนิกส์ได้ดีและตอบสนองได้มันส์มาก ใครเป็น Basshead ที่เสพเสียงเบสที่ตูมตามลงลึกสุดกู่นี่ต้องโดนเลยครับ

การใช้งาน Jabra Elite Active 75T

0. การสวมใส่

1. หยิบหูฟังทั้งสองข้างออกจากกล่องชาร์จฯ
2. นำหูฟังทั้งสองข้างสอดข้าไปในหูและบิดหูฟังทวนเข็มนาฬิการจนรู้สึกกระชับแน่นครับ

1. การเชื่อมต่อ Bluetooth ครั้งแรก

1. หยิบหูฟังทั้งสองข้างออกจากกล่องชาร์จขึ้นมาใส่ที่หู (หรือกดเปิดมือโดยกดกดปุ่มหูฟังทั้งสองข้างค้างไว้ประมาณ 4 วินาทีจนได้ยินเสียงสัญญาณ หรือไฟ LED สีนํ้าเงินกระพริบที่หูฟังข้าง R ครับ)
2. เปิด Bluetooth ที่อุปกรณ์ ค้นหาชื่อ “Jabra Elite Active 75T” แล้วกดเชื่อมต่อเป็นอันเสร็จสิ้นครับ

2. การเชื่อมต่อ Bluetooth ครั้งต่อไป

1. หยิบหูฟังออกจากกล่องชาร์จฯขึ้นมาใส่ที่หูฟังทั้งสองข้าง
2. เปิด Bluetooth ที่อุปกรณ์ รอสักครู่ หูฟังจะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ล่าสุดให้เองโดยอัตโนมัติครับ

3. การเชื่อมต่อ Bluetooth กับอุปกรณ์ใหม่

1. หยิบหูฟังทั้งสองข้างออกจากกล่อง กดปุ่มหูฟังทั้งสองข้างค้างไว้ประมาณ 4 วินาทีจนเห็นไฟสีนํ้าเงินกระพริบที่หูฟังข้าง R
2. เปิด Bluetooth ที่อุปกรณ์ใหม่ ค้นหาชื่อ “Jabra Elite Active 75T” แล้วกดเชื่อมต่อเป็นอันเสร็จสิ้นครับ

4. การเชื่อมต่อใช้งาน 2 อุปกรณ์พร้อมกัน (Multi-Use)

1. ทำการเชื่อมต่อหูฟังกับอุปกรณ์โดยใช้วิธีตามข้อ 1 ทั้งอุปกรณ์ A และอุปกรณ์ B
2. หูฟังสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้มากสุด 2 อุปกรณ์พร้อมกันทันทีเริ่มทำการเชื่อมต่อครั้งต่อไปครับ

หมายเหตุ : การเชื่อมต่อใช้งาน 2 อุปกรณ์พร้อมกัน การเล่นเพลงและเสียงจากคลิปวีดีโอจะทำงานแค่อุปกรณ์ที่มีการ playback เท่านั้น ส่วน Voice Assistant จะทำงานได้เพียงอุปกรณ์ล่าสุดที่มันเคยเชื่อมต่อ ส่วนการโทรศัพท์หากมีสายเรียกเข้าไม่ว่าจะเครื่อง A หรือเครื่อง B เราสามารถกดรับสายที่ตัวหูฟังได้เลยครับ

5. การใช้งานหูฟังข้างเดียว (Mono Mode)

1. เชื่อมต่อหูฟังทั้งสองข้างตามปกติ (วิธีการเชื่อมต่อโปรดดูข้อ 1)
2. เก็บหูฟังข้าง L ลงกล่องชาร์จฯ หูฟังจะเข้าสู้โหมดใช้งานข้างเดียวครับ

เพิ่มเติม : Jabra Elite Active 75T สามารถใช้งานข้างเดียวได้เฉพาะข้าง R เท่านั้นครับ

6. การเรียก Voice Assistant (Google,Siri และ Alexa)

• กดปุ่มหูฟังข้าง R สองครั้งติดกันจนได้ยินเสียงสัญญาณ แล้วจึงเริ่มใช้งานได้เลยครับ

เพิ่มเติม : การใช้งาน Alexa สามารถเปิดใช้งานและดูวิธีการใช้งานได้ผ่านแอปพลิเคชั่น Jabra Sound+ ครับ

7. การเปิดโหมดดูดเสียงภายนอก (Hearthrough)

• ขณะใช้งานหูฟังทั้งสองข้าง กดปุ่มหูฟังข้าง L 1 ครั้ง จะได้ยินเสียงไกด์พูดว่า hearthrough กดหูฟังข้าง L ซํ้าอีก 1 ครั้งจะเป็นการปิด เสียงไกด์พูดว่า “hearthrough off” ครับ

เพิ่มเติม : เราสามารถปรับระดับความดังโหมดดูดเสียงผ่านแอปพลิเคชั่น Jabra Sound+ ได้ครับ

8. การควบคุมต่างๆ

8.1 เพลง

• เล่นเพลง/หยุดเพลง: ขณะฟังเพลง กดปุ่มหูฟังข้าง R 1 ครั้ง
• เพิ่มเสียง : กดปุ่มหูฟังข้าง R ค้างเพื่อเพิ่มระดับเสียง ปล่อยเมื่อต้องการหยุด
• ลดเสียง : กดปุ่มหูฟังข้าง L ค้างเพื่อลดระดับเสียง ปล่อยเมื่อต้องการหยุด
• ไปยังเพลงถัดไป : กดปุ่มหูฟังข้าง L 2 ครั้งติดต่อกัน
• กลับไปยังเพลงก่อนหน้านี้ : กดปุ่มหูฟังข้าง L 3 ครั้งติดต่อกัน

8.2 การคุยโทรศัพท์

• รัยสาย/วางสาย : ขณะสายเข้า,ขณะคุยสาย กดปุ่มหูฟังข้าง R 1 ครั้ง
• ปฏิเสธสาย : ขณะสายเข้า กดปุ่มหูฟังข้าง R 2 ครั้ง
• ปิดเสียงไมค์/เปิดเสียงไมค์ : ขณะคุยสาย กดปุ่มหูฟังข้าง L 1 ครั้ง
• เปิด sidetone : ขณะคุยสาย กดปุ่มหูฟังข้าง L 2 ครั้ง

เพิ่มเติม : sidetone คือการเปิดโหมดให้เราได้ยินเสียงพูดของตัวเราเองขณะคุยโทรศัพท์ สามารถปรับระดับได้ผ่านแอปพลิเคชั่น Jabra Sound+ ครับ

8.3 การควบคุมการคุยโทรศัพท์ 2 สายขึ้นไป (Multiple Call Handling)

• วางสาย A พร้อมกับรับสาย B : กดปุ่มหูฟังข้าง R 1 ครั้ง
• พักสาย A พร้อมกับรับสาย B : กดปุ่มหูฟังข้าง R 3 ครั้ง
• สลับสาย : ขณะคุยสายที่มีอีกสายพักอยู่ กดปุ่มหูฟังข้าง R 2 ครั้ง
• ปฏิเสธสาย B ที่โทรเข้ามาขณะกำลังคุยกับสาย A : กดปุ่มหูฟังข้างข้าง R 2 ครั้ง

9. การอัพเดท Firmware

• เราสามารถอัพเดท firmware ของ Jabra Elite Active 75T ผ่านแอปพลิเคชั่น Jabra Sound+ ได้ โดยจะมีหน้าต่างปรากฏแจ้งเตือนให้เราอัพเดท สามารถทำตามขั้นตอนผ่านแอปพลิเคชั่นได้เลยครับ

10. การ Reset Factory

***ก่อนทำการ reset factory ให้ทำการลบชื่อหูฟังบนอุปกรณ์ออกให้หมดก่อนนะครับ

1. หยิบหูฟังทั้งสองข้างออกจากกล่องชาร์จฯ
2. หากหูฟังเปิดอยู่ทั้งสองข้าง ให้กดปุ่มหูฟังทั้งสองข้างค้างไว้จนหูฟังปิดการใช้งาน
3. ขณะที่หูฟังทั้งสองข้างปิดอยู่ กดปุ่มหูฟังทั้งสองข้างพร้อมกันค้างไว้ประมาณ 10 วินาที หรือจนกว่าจะเห็นไฟสีม่วงกระพริมแล้วดับลง
4. เก็บหูฟังทั้งสองข้างลงกล่องชาร์จ ปิดฝาเป็นอันเสร็จสิ้นครับ

11. การชาร์จแบตเตอรี่

11.1 หูฟัง

1. เก็บหูฟังลงกล่องชาร์จฯ หูฟังข้าง R จะกระพริบไฟสีแดงประมาณ 4 ครั้งแล้วปิดฝา
2. หูฟังจะใช้เวลาชาร์จเกือบ 2 ชั่วโมงในการชาร์จจนเต็ม 100%
3. เราสามารถเช็คปริมาณแบตเตอรี่ของหูฟังทั้งสองข้างขณะหูฟังกำลังชาร์จได้โดยการเปิดฝากล่องชาร์จฯ ไฟสถานะที่หูฟังจะติดขึ้นโดยอ้างอิงตามปริมาณแบตเตอรี่ที่มีอยู่ในขณะนั้นเช่น ขึ้นไฟสีแดง หูฟังมีแบตเตอรี่ตํ่า ขึ้นไฟสีเหลือง หูฟังมีแบตเตอรี่ปานกลาง และสีเขียว หูฟังมีแบตเตอรี่สูง ซึ่งขณะชาร์จ หูฟังจะไล่ไฟสถานะจากแดงแล้วสุดที่สีเขียวครับ

11.2 กล่องชาร์จ

1. เสียบสายชาร์จ USB Type-C ที่มากับกล่องโดยเสียบกับพอร์ต USB หรือเสียบผ่าน Adaptor 5V แล้วเสียบกับปลั๊กไฟบ้านก็ได้ครับ
2. ขณะชาร์จฯ กล่องชาร์จฯจะขึ้นไฟโดยอ้างอิงตามปริมาณแบตเตอรี่ที่มีอยู่ในขณะนั้น โดยจะไล่ตั้งแต่ไฟกระพริบสีแดง เหลือง และเขียว เมื่อกล่องชาร์จชาร์จแบตเตอรี่เต็มแล้ว กล่องชาร์จจะขึ้นไฟสีเขียวค้างโดยที่ไม่ดับครับ

12. ไฟสถานะต่างๆ

12.1 หูฟัง

• ไฟสีเขียวค้าง : แบตเตอรี่สูง / หูฟังเปิดใช้งานแล้ว
• ไฟสีเหลืองค้าง : แบตเตอรี่ปานกลาง
• ไฟสีแดงค้าง : แบตเตอรี่ตํ่า
• ไฟสีแดงกระพริบ : หูฟังปิดการใช้งาน
• ไฟสีนํ้าเงินกระพริบ : หูฟังอยู่ในโหมดจับคู่ (pairing)
• ไฟสีม่วงกระพริบ : หูฟังกำลัง reset factory

12.2 กล่องชาร์จ

• ไฟสีเขียวกระพริบ : แบตเตอรี่สูง
• ไฟสีเหลืองกระพริบ : แบตเตอรี่ปานกลาง
• ไฟสีแดงกระพริบ : แบตเตอรี่ตํ่า
• ไฟสีม่วงกระพริบ : กำลังอัพเดท firmware
• ไฟสีเขียวขึ้นค้าง : กล่องชาร์จชาร์จแบตเตอรี่เต็มแล้ว

ข้อมูล Jabra Elite Active 75T

สเปคสินค้า (ข้อมูลจากคู่มือภายในกล่อง)

ทั่วไป

• แบรนด์ : Jabra
• รุ่น : Elite Active 75T
• ประเภทหูฟัง : In-ear true wireless
• มาตรฐาน IPXX : กันนํ้าและฝุ่น IP57
• วัสดุ : PC/ABS plastic,Si rubber,PMMA paint,Au-plated metal
• การควบคุม : ปุ่มกด

การเชื่อมต่อ

• บลูทูธ : เวอร์ชั่น 5.0
• ระยะสัญญาณ : สูงสุด 10 เมตร (ไม่มีสิ่งกีดขวาง)
• Audio Codec : SBC,AAC
• การเชื่อมต่อหลายอุปกรณ์ : เชื่อมต่อได้พร้อมกันสูงสุด 2 อุปกรณ์, จดจำอุปกรณ์ได้มากสุด 8 อุปกรณ์

เสียง

• ไดร์เวอร์ : Dynamic ขนาด 6 มม.
• ความถี่ที่ตอบสนอง : 20-20,000Hz (เพลง), 100Hz-8kHz (คุยโทรศัพท์)
• ไมโครโฟน : แบบ MEMS จำนวน 4 ตัว
• ความถี่ที่ตอบสนองของไมโครโฟน : 100Hz-10kHz
• การตัดเสียงรบกวน : Wind Noise Reduction
• การกันเสียงรอบข้าง : Passive Noise isolation (PNC)

แบตเตอรี่

• เล่นต่อเนื่อง : สูงสุด 7.5 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับการใช้งาน)
• กล่องชาร์จฯ : ชาร์จหูฟังได้ 2-3 รอบ
• ระยะเวลาการ Stand By : 6 เดือน
• ระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ : สูงสุด 2 ชั่วโมง 20 นาที
• การชาร์จเร็ว : มี หูฟังใช้เวลาชาร์จเพียง 15 นาที สามารถเล่นต่อเนื่องได้สูงสุด 1 ชั่วโมง

ขนาด

• หูฟัง (ต่อข้าง) : 19.4 x 21.9 x 16.2 มม. (กว้างxยาวxสูง)
• กล่องชาร์จ : 36.6 x 62.4 x 27.0 มม. (กว้างxยาวxสูง)

นํ้าหนัก

• หูฟัง (ต่อข้าง) : 5.5 กรัม
• กล่องชาร์จ : 35 กรัม

อุปกรณ์ภายในกล่อง

• หูฟัง Jabra Elite Active 75T จำนวน 1 คู่
• กล่องชาร์จฯ Jabra Elite Active 75T จำนวน 1 คู่
• จุกหูฟัง (Eargel) 3 คู่ (S/M/L)
• สายชาร์จ USB Type-C จำนวน 1 เส้น

วิธีดูแลรักษา

• ก่อนใช้งานหูฟังควรเริ่มเปิด Volume จากระดับเบาสุดแล้วค่อยๆเพิ่มจนได้ระดับที่เราพอใจครับ
• เมื่อเลิกใช้งานแล้ว ควรเก็บหูฟังลงกล่องชาร์จฯทุกครั้ง
• ไม่ควรชาร์จแบตเตอรี่กล่องชาร์จบ่อยจนเกินความจำเป็น เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
• หูฟังที่มีมาตรฐานรับรองการกันนํ้า ฝุ่น หรือทั้งสองอย่าง ไม่ว่าจะเรตติ้งเท่าไหร่ก็ตาม หากหูฟังผ่านการโดนนํ้าหรือเหงื่อมา ควรใช้ผ้าแห้งเช็ดตัวหูฟังให้แห้งก่อนเก็บลงกล่องชาร์จทุกครั้ง
• หมั่นทำความสะอาดตัวหูฟัง กล่องชาร์จ โดยใช้ผ้าแห้งเช็ดอาทิตย์ละ 1 ครั้ง
• ***ไม่ควรใส่หูฟังอาบนํ้าหรือว่ายนํ้ายกเว้นในกรณีที่หูฟังรุ่นนั้นๆออกแบบมาให้ใช้ได้ในกิจกรรมดังกล่าวโดยเฉพาะ

Warranty (เงื่อนไขประกันสินค้า)

• รับประกัน 1 ปี ภายใต้เงื่อนไขที่ทาง Jabra กำหนด
• *** ในส่วนของอะไหล่,สายชาร์จ,เคสชาร์จ ที่มากับตัวหูฟังจะมีระยะประกันอยู่ที่ 7 วัน ***
• คุณลูกค้าต้องเก็บตัวสินค้าไว้ให้ครบไม่ว่าจะเป็น กล่อง/ซองแพคเกจจิ้ง, ตัวหูฟังทั้งสองข้าง, สายชาร์จ ,จุกหูฟังซิลิโคนทุกแบบ
• หากตัวสินค้าเสียหายจากขั้นตอนการผลิตของทางโรงงาน เปลี่ยนตัวใหม่ให้ทันที
• สินค้าต้องไม่มีตำหนิจากการใช้งานผิดวิธี, ตำหนิเสียหายจากการใช้งานของลูกค้า, ร่องรอยการกระแทก หรือการขูดขีดอย่างรุนแรง
• หากเป็นปัญหาจากการใช้งานของคุณลูกค้าไม่ว่าจะเป็น สายขาดใน, แจ็คหัก, ฝาเคสชาร์จหัก,ก้านหูฟังหัก , สายยางซิลิโคนของเคสชาร์จขาด, เปิดเสียงดังจนเสียงแตก, เบิร์นหูฟังผิดวิธี(ใช้แอพเบิร์นหรือคลื่นเสียงประเภท Sine Sweep, Pink Noise, White Noise) จนหูฟังเสียหาย จะไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกัน
• ปัญหาการคุยโทรศัพท์แล้วเป็นเสียงที่คุยไม่รู้เรื่อง แต่เมื่อเปิด-ปิดตัวหูฟังอีกรอบแล้วสามารถคุยได้ตามปกติ จะไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกัน