BOYA BY-WM4 Pro-K2 Wireless Microphone

(ไมค์หนีบปกเสื้อ Wireless แบบคู่)

425Degree Recommend

เมื่อต้องใช้งานไมค์ร่วมกันแบบเป็นคู่ ปัญหาสำคัญคงหนีไม่พ้นเรื่องสายครับ ไมค์บางรุ่นมีความยาวสายที่สั้นเกินไปทำให้ใช้งานไม่สะดวก หรือบางรุ่นมีความยาวสายที่ยาวเกินไปจนเกะกะ ทำให้เกิดความยุ่งยากในการใช้งาน ยิ่งหากใช้งานเป็นคู่ด้วยแล้ว การเลือกใช้ไมค์ Wireless แบบคู่จึงตอบโจทย์ปัญหาการใช้งานได้ดีทีเดียว ใช้งานสะดวกขึ้นเยอะเลยครับ

• ความพิเศษของไมค์ BOYA รุ่นนี้อยู่ที่การใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Smartphone, Tablet, Laptop, PC, กล้อง หรืออุปกรณ์อื่นๆ เพราะมีสายสำหรับการเชื่อมต่อมาให้ทั้งแบบ TRS และ TRRS เรียกว่าใช้งานได้อเนกประสงค์เลยครับ
• โดยรุ่นนี้มีระยะสัญญาณที่ค่อนข้างไกล เมื่อต้องใช้งานร่วมกันเป็นคู่แล้ว ระยะในการส่งสัญญาณถือว่าสำคัญมากครับ การใช้งานได้ในระยะที่ค่อนข้างไกลแบบนี้มีประโยชน์จริงๆ สามารถบันทึกเสียงจากระยะไกลได้ หมดปัญหาเรื่องสายไปเลยครับ
• คุณภาพเสียงที่ได้ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจครับ ได้ยินเสียงชัดเจน มีเสียงรบกวนน้อย ช่วยให้การถ่าย Video หรือการบันทึกเสียงเป็นไปอย่างราบรื่น แถมยังออกแบบมาให้ใช้งานง่าย และใช้งานสะดวกมากๆครับ
• ไมค์รุ่นนี้เหมาะสำหรับ YouTuber / Vlogger ระดับ Beginner ที่ต้องการใช้งานร่วมกันแบบเป็นคู่และเพิ่งเริ่มต้นทำคลิป Video ซึ่งเป็นไมค์ Wireless แบบคู่คุณภาพดี ที่มาในราคาสุดคุ้ม และน่าใช้งานมากๆ เป็นตัวเลือกที่มองข้ามไม่ได้เลยล่ะครับ

Highlight

• BOYA แบรนด์ชั้นนำในประเทศจีนที่มีความเชี่ยวชาญด้านไมโครโฟนสำหรับกล้อง DSLR, กล้องวิดีโอ, เครื่องบันทึกเสียง และอื่นๆ โดยเป็นแบรนด์ไมโครโฟนคอนเดนเซอร์ (Condenser) คุณภาพดี ที่มีชื่อเสียงในฐานะผู้ผลิตสินค้าเกี่ยวกับ Electro-acoustic ซึ่งมีห้อง Lab รวมถึงสถาบันวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับ Electro-acoustic และไมโครโฟนทุกชนิด

Product Detail รายละเอียดสินค้า

• แบรนด์ : BOYA จากประเทศจีน
• ชื่อรุ่น : BY-WM4 Pro-K2 Wireless Microphone
• วัสดุ : พลาสติกแข็ง PC (Polycarbonate)
• สี : Black (ดำ)
• ขนาด (เฉพาะหัวไมค์) : กว้าง 0.99 ซม. ยาว 2.4 ซม. | (ตัวส่งสัญญาณ / ตัวรับสัญญาณ) : กว้าง 4.5 ซม. ยาว 7 ซม. หนา 2 ซม.
• ความยาวสาย (ไมค์) : 129 ซม.
• น้ำหนัก (ตัวส่งสัญญาณ / ตัวรับสัญญาณ) : 47 กรัม

Product Detail จาก 425Degree

• ไมค์หนีบปกเสื้อ Wireless แบบคู่ แบรนด์ BOYA
• BOYA แบรนด์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านไมโครโฟนสำหรับกล้อง DSLR, กล้องวิดีโอ, เครื่องบันทึกเสียง และอื่นๆ
• ไมค์รุ่นนี้มีตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) 2 ชิ้น และตัวรับสัญญาณ (Receiver) 1 ชิ้น สามารถใช้สำหรับแหล่งเสียง 2 แหล่งได้ หรือใช้งานร่วมกันแบบเป็นคู่
• โดยเชื่อมต่อตัวไมค์เข้ากับตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) และเชื่อมต่อตัวรับสัญญาณ (Receiver) เข้ากับตัวอุปกรณ์
• ตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) มีช่องสำหรับต่อไมโครโฟน (มีรูปสัญลักษณ์ไมโครโฟนอยู่ด้านบน) และมีช่อง LINE IN สำหรับเพิ่มการรับเสียงอีก 1 ช่องทาง (สามารถต่อไมค์เพิ่มได้ (ต้องเป็นไมค์ที่รองรับการใช้งานเท่านั้นนะครับ) หรือใส่เสียง Sound Effect ผ่านที่ช่องนี้ได้ครับ)
• ตัวรับสัญญาณ (Receiver) มีช่องสำหรับต่อใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ (LINE OUT) และมีช่องสำหรับต่อหูฟัง (ขนาด 3.5 mm (Jack Plug)) เพื่อฟังเสียงในขณะที่บันทึก
• รูปแบบการรับเสียงเป็นแบบ Omni-directional โดยรับเสียงได้รอบทิศทางแบบ 360 องศารอบตัวไมค์
• สามารถใช้งานได้ในระยะประมาณ 60 เมตร (โดยไม่มีสิ่งกีดขวาง) **ในการใช้งานจริง ระยะการส่งสัญญาณจะไม่ถึง 60 เมตรนะครับ แนะนำให้ใช้งานในระยะ ไม่ควรเกิน 20 เมตรครับ และหากใช้งานในสถานที่ที่มีสัญญาณอื่นๆเป็นจำนวนมาก จะใช้งานได้ในระยะที่ใกล้ขึ้นไปอีกครับ** 
• ทั้งตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) และตัวรับสัญญาณ (Receiver) จำเป็นต้องใช้งานร่วมกับถ่านขนาด AAA 2 ก้อน
• โดยมีสวิตซ์สำหรับ เปิด/ปิดการใช้งาน ทั้งตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) และตัวรับสัญญาณ (Receiver)
• ตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) มีไฟ LED แสดงสถานะการใช้งาน และมีปุ่ม Pair สำหรับการเชื่อมต่อกับตัวรับสัญญาณ (Receiver)
• ตัวรับสัญญาณ (Receiver) มีไฟ LED แสดงสถานะการใช้งาน และมีสวิตซ์ (+) / (-) สำหรับการเชื่อมต่อ (Pair) กับตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) และเพื่อเพิ่มสัญญาณในการรับเสียง ช่วยให้เสียงที่บันทึกดังขึ้นและชัดเจนขึ้น
• มีสาย TRS และสาย TRRS แบบหัวแจ็คขนาด 3.5 mm สำหรับต่อใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆมาให้ในชุด
• โดยสาย TRS สำหรับต่อใช้งานร่วมกับกล้อง Compact Camera / Mirrorless / DSLR / กล้องวิดีโอ หรืออุปกรณ์อื่นๆ
• ส่วนสาย TRRS สำหรับต่อใช้งานร่วมกับ Smartphone (สำหรับ IOS และ Android) / Laptop หรืออุปกรณ์อื่นๆ
• โดยสามารถต่อเข้ากับอุปกรณ์ที่มีช่องสำหรับต่อไมโครโฟนขนาด 3.5 mm (Jack Plug)
• ที่ด้านหลังตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) และตัวรับสัญญาณ (Receiver) มีคลิปสำหรับหนีบมาให้ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน โดยสามารถหมุนตัวคลิปได้ ใช้งานได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน
• เมื่อนำตัวคลิปที่อยู่ด้านหลังของตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) หรือตัวรับสัญญาณ (Receiver) ออกจะสามารถใส่เม้าท์แปลงเป็น Hot Shoe ที่มาพร้อมกับรูสกรูขนาด 1/4" ได้ (แถมมาให้ในชุด)
• วัสดุพลาสติกแข็งคุณภาพดี งานประกอบแน่นหนา
• มาพร้อมกับโฟมกันเสียงลม (Wind screen) สำหรับใส่เข้ากับตัวไมค์ก่อนใช้งาน
• มีคลิปสำหรับหนีบปกเสื้อมาให้ในชุด สำหรับติดเข้ากับตัวไมค์และติดที่เสื้อเพื่อใช้งาน
• มีอะแดปเตอร์สำหรับเชื่อมต่อผ่านช่อง Hot Shoe พร้อมรูสกรูขนาด 1/4" มาให้ในชุด และมีสกรูล็อกแน่นหนา
• และมาพร้อมกับกระเป๋ากันกระแทก (Hard Case) สำหรับจัดเก็บตัวไมค์และอุปกรณ์
• มีการสกรีนโลโก้แบรนด์ BOYA เพิ่มความพรีเมี่ยม
• ขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาง่าย
• เหมาะสำหรับถ่ายงาน Video แบบเคลื่อนที่ หรือบันทึกเสียงทั่วไป
• ***ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง ไม่สามารถหลีกเลี่ยงเสียงรบกวนจากรอบข้างได้ครับ
• ***เนื่องจากรูปแบบการรับเสียงของไมค์รุ่นนี้เป็นแบบรอบทิศทาง จึงมีการตอบสนองความถี่กว้าง ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดเสียงรบกวนหรือเสียงหอนได้ง่ายครับ และไม่ควรพูดห่างจากไมโครโฟนมากนักครับ
• ***สำหรับ Smartphone ระบบ Android บางรุ่นอาจไม่รองรับการใช้งานร่วมกับไมค์รุ่นนี้ครับ โดยจำเป็นต้องโหลด App ที่ชื่อว่า 'Open Camera' เพื่อให้สามารถใช้งานร่วมกันได้ครับ (สามารถดูวิธีการตั้งค่าแอปได้ในหัวข้อ 'การใช้งานเพิ่มเติม' ครับ)

Gallery รูปถ่ายจากสินค้าจริง

อุปกรณ์ภายในกล่อง

• Transmitter (ตัวส่งสัญญาณ) x 2
• Receiver (ตัวรับสัญญาณ) x 1
• Lavalier / lapel microphone (ไมค์แบบหนีบปกเสื้อ) x 2
• 3.5mm to TRS audio output cable (สาย TRS) x 1
• 3.5mm to TRRS audio output cable (สาย TRRS) x 1
• Shoe mount adapter (ตัวต่อ Hot Shoe)
• Microphone Holder clip (คลิปสำหรับหนีบปกเสื้อ) x 2
• Wind screen (โฟมกันเสียงลม) x 2
• Hard case (กระเป๋าสำหรับจัดเก็บ) x 1
• คู่มือการใช้งาน x 1

ข้อมูลเชิงเทคนิค

• RF Modulation : GFSK (Gauss frequency Shift Keying)
• Frequency band : 2.4GHz (2405-2478MHz)
• Frequency response : 35Hz-14KHz±3dB
• Signal/Noise : 84dB or more
• Distortion : 0.0.5% or less (32Ω,1 KHz,65mW output)
• RF output level : 3mW
• Earphone output level : 32Ω,65mW
• Reception sensitivity : -90dB +/- 3dB / 0dB=1V/Pa, 1kHz
• Audio input connector : 3.5mm mini jack
• Operation range : 60m (197ft.) (without obstacle)
• Power requirements : 3V DC (Two AAA size batteries)
• Consumption power : Transmitter: 3V/70mA | Receiver: 3V/70mA
• Dimensions : Transmitter: 45 x 70 x35 mm (1.8 x 2.8 x 1.4 inches) | Receiver: 45 x 70 x35 mm (1.8 x 2.8 x 1.4 inches)
• Weight : Transmitter: 47g (1.7oz) (Without battery) | Receiver: 47g (1.7oz) (Without battery)

อุปกรณ์ที่รองรับการใช้งาน

• กล้อง Compact Camera / Mirrorless / DSLR / เครื่องบันทึกเสียง / และอุปกรณ์บันทึกเสียงหรือวิดีโออื่นๆ
• Smartphone / Tablet / PC / Laptop หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่มีช่องสำหรับต่อไมโครโฟนขนาด 3.5 mm (Jack Plug)

วิธีการใช้งาน

ตัวส่งสัญญาณ (Transmitter)

• 1. ช่องสำหรับต่อไมโครโฟน (Microphone input)
• 2. ช่องรับสัญญาณเพิ่ม (LINE IN)
• 3. ไฟแสดงสถานะ LED (Power LED)
• - เปิดใช้งาน : ไฟสีฟ้ากระพริบ
• - แบตเตอรี่ต่ำ : ไฟสีแดง
• 4. สวิตซ์ เปิด/ปิด การใช้งาน
• 5. ปุ่ม Pair (สำหรับการเชื่อมต่อสัญญาณ)
• 6. ตำแหน่งตัวรับสัญญาณด้านใน (Antenna)
• *ห้ามแตะบริเวณนี้ในระหว่างการใช้งานนะครับ เพราะอาจส่งผลต่อสัญญาณได้ครับ
• 7. ช่องสำหรับใส่ถ่าน (ขนาด AAA 2 ก้อน)
• 8. คลิปหนีบ (สำหรับหนีบเพื่อพกพาขณะใช้งาน)

ตัวรับสัญญาณ (Receiver)

• 1. ช่องสำหรับต่อหูฟัง (ขนาด 3.5 mm (Jack Plug))
• - สำหรับฟังเสียงในขณะที่บันทึก
• *ห้ามใช้หัวแจ็คขนาดเล็กแบบโมโน (monaural mini jack) ในการเชื่อมต่อนะครับ เนื่องจากอาจเกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ครับ
• 2. ช่องสำหรับต่ออุปกรณ์ (LINE OUT: Audio output)
• - สำหรับเชื่อมต่อกับ Smartphone, Tablet, Laptop หรือ Mac ผ่านสาย TRRS ที่ให้มาในชุด
• - สำหรับเชื่อมต่อกับกล้องต่างๆ, เครื่องบันทึกเสียง และอุปกรณ์บันทึกเสียงหรือวิดีโออื่นๆ ผ่านสาย TRS ที่ให้มาในชุด
• 3. ไฟแสดงสถานะ LED (Power LED)
• 4. สวิตซ์ เปิด/ปิด การใช้งาน
• 5. ปุ่ม + / - (สำหรับการเชื่อมต่อสัญญาณ)
• 6. ตำแหน่งตัวรับสัญญาณด้านใน (Antenna)
• *ห้ามแตะบริเวณนี้ในระหว่างการใช้งานนะครับ เพราะอาจส่งผลต่อสัญญาณได้ครับ 
• 7. ช่องสำหรับใส่ถ่าน (ขนาด AAA 2 ก้อน)
• 8. คลิปหนีบ (สำหรับหนีบเพื่อพกพาขณะใช้งาน)
• 9. อะแดปเตอร์สำหรับเชื่อมต่อผ่าน Hot Shoe พร้อมรูสกรูขนาด 1/4"

สายสำหรับการเชื่อมต่อ

• สายแบบ TRRS (3.5mm TRRS connector)
• สำหรับเชื่อมต่อกับ Smartphone, Tablet, Laptop หรือ Mac

• สายแบบ TRS (3.5mm TRS connector)
• สำหรับเชื่อมต่อกับกล้องต่างๆ, เครื่องบันทึกเสียง และอุปกรณ์บันทึกเสียงหรือวิดีโออื่นๆ

การใส่ถ่าน

• ใส่ถ่านขนาด AAA 2 ก้อน เข้ากับตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) ที่ช่องสำหรับใส่ถ่าน
• และใส่ถ่านขนาด AAA 2 ก้อน เข้ากับตัวรับสัญญาณ (Receiver) ที่ช่องสำหรับใส่ถ่าน
• **โดยใส่ถ่านลงไปให้ถูกตำแหน่ง ตามขั้วที่ระบุไว้

การใช้งานร่วมกับ Smartphone / Laptop (หรืออุปกรณ์อื่นๆ)

การเชื่อมต่อกับตัวรับสัญญาณ (Receiver)

• เชื่อมต่อตัวรับสัญญาณ (Receiver) เข้ากับ Smartphone, Tablet, Laptop หรือ Mac
• - เริ่มจากนำสาย TRRS ต่อเข้ากับ Smartphone / Laptop ผ่านช่องสำหรับต่อไมโครโฟนขนาด 3.5 mm
• - โดยเสียบด้านหัวแจ็คแบบ 4-Pole (มีขีด 3 เส้น) เข้ากับ Smartphone / Laptop (ที่ขั้วสายจะมีป้ายสัญลักษณ์รูป Smartphone ติดอยู่ครับ)
• - จากนั้นเสียบหัวแจ็ค (แบบหัวงอ) อีกด้านของสายเส้นเดียวกัน (ที่ขั้วสายจะมีป้ายสัญลักษณ์รูป Microphone ติดอยู่ครับ) ซึ่งเป็นแบบ 3-Pole (มีขีด 2 เส้น) เข้ากับตัวรับสัญญาณ (Receiver) ผ่านช่องสำหรับต่ออุปกรณ์ (LINE OUT: Audio output)
• - สำหรับการฟังเสียงในขณะที่บันทึก ให้เสียบหูฟังที่ช่องสำหรับต่อหูฟัง (ขนาด 3.5 mm (Jack Plug))
• - **ห้ามใช้หัวแจ็คขนาดเล็กแบบโมโน (monaural mini jack) ในการเชื่อมต่อนะครับ เนื่องจากอาจเกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ครับ
• - จากนั้นเลื่อนสวิตซ์ที่ตัวรับสัญญาณ (Receiver) ไปที่ตำแหน่ง ON เพื่อเปิดใช้งาน (ไฟสถานะ LED จะแสดงเป็นสีน้ำเงิน)

การเชื่อมต่อกับตัวส่งสัญญาณ (Transmitter)

• เชื่อมต่อไมค์เข้ากับตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) ผ่านช่องที่มีสัญลักษณ์ไมโครโฟน
• - เลื่อนสวิตซ์ที่ตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) ไปที่ตำแหน่ง ON เพื่อเปิดใช้งาน (ไฟสถานะ LED จะขึ้นเป็นสีน้ำเงิน)
• - สามารถใช้คลิปที่อยู่ด้านหลังตัวส่งสัญญาณ หนีบที่เข็มขัด เพื่อพกพาในขณะใช้งาน (หรือสามารถพกในกระเป๋าได้ครับ)

การเชื่อมต่อตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) กับตัวรับสัญญาณ (Receiver)

• เมื่อตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) และตัวรับสัญญาณ (Receiver) เชื่อมต่อกัน ไฟสถานะ LED จะกะพริบช้าลง โดยจะกะพริบทุก 2.5 วินาที
• หากตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) และตัวรับสัญญาณ (Receiver) ไม่เชื่อมต่อกัน ให้ทำตามขั้นตอนดังนี้ครับ
• - เปิดการใช้งานตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) และตัวรับสัญญาณ (Receiver)
• - กดปุ่ม (+) และ (-) ที่ตัวรับสัญญาณ (Receiver) ค้างไว้ 3 วินาที และกดปุ่ม Pair ที่ตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) ค้างไว้ 3 วินาที พร้อมกัน
• - หากเชื่อมต่อสำเร็จ ไฟสถานะ LED ของตัวรับสัญญาณ (Receiver) จะเป็นสีน้ำเงิน และไฟสถานะ LED ของตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) จะกะพริบทุก 2.5 วินาที
• - **หากไม่สำเร็จ ไฟสถานะ LED จะกะพริบทุก 1 วินาที ให้ทำตามขั้นตอนด้านบนอีกครั้งนึงครับ

การใช้งานร่วมกับกล้องต่างๆ (หรืออุปกรณ์อื่นๆ)

การเชื่อมต่อกับตัวรับสัญญาณ (Receiver)

• เชื่อมต่อตัวรับสัญญาณ (Receiver) เข้ากับกล้อง หรืออุปกรณ์อื่นๆ
• - เริ่มจากนำสาย TRS ต่อเข้ากับตัวกล้องผ่านช่องสำหรับต่อไมโครโฟนขนาด 3.5 mm (สายหัวแจ็คแบบ 3-Pole (มีขีด 2 เส้น) ทั้ง 2 ฝั่ง)
• - โดยเสียบหัวแจ็คเข้ากับตัวกล้อง และเสียบหัวแจ็คอีกด้านของสายเส้นเดียวกันเข้ากับตัวรับสัญญาณ (Receiver) ผ่านช่องสำหรับต่ออุปกรณ์ (LINE OUT: Audio output)
• - สำหรับการฟังเสียงในขณะที่บันทึก ให้เสียบหูฟังที่ช่องสำหรับต่อหูฟัง (ขนาด 3.5 mm (Jack Plug))
• - **ห้ามใช้หัวแจ็คขนาดเล็กแบบโมโน (monaural mini jack) ในการเชื่อมต่อนะครับ เนื่องจากอาจเกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ครับ
• - จากนั้นเลื่อนสวิตซ์ที่ตัวรับสัญญาณ (Receiver) ไปที่ตำแหน่ง ON เพื่อเปิดใช้งาน (ไฟสถานะ LED จะแสดงเป็นสีน้ำเงิน)

การเชื่อมต่อกับตัวส่งสัญญาณ (Transmitter)

• เชื่อมต่อไมค์เข้ากับตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) ผ่านช่องที่มีสัญลักษณ์ไมโครโฟน
• - เลื่อนสวิตซ์ที่ตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) ไปที่ตำแหน่ง ON เพื่อเปิดใช้งาน (ไฟสถานะ LED จะขึ้นเป็นสีน้ำเงิน)
• - สามารถใช้คลิปที่อยู่ด้านหลังตัวส่งสัญญาณ หนีบที่เข็มขัด เพื่อพกพาในขณะใช้งาน (หรือสามารถพกในกระเป๋าได้ครับ)

การเชื่อมต่อตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) กับตัวรับสัญญาณ (Receiver)

• เมื่อตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) และตัวรับสัญญาณ (Receiver) เชื่อมต่อกัน ไฟสถานะ LED จะกะพริบช้าลง โดยจะกะพริบทุก 2.5 วินาที
• หากตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) และตัวรับสัญญาณ (Receiver) ไม่เชื่อมต่อกัน ให้ทำตามขั้นตอนดังนี้ครับ
• - เปิดการใช้งานตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) และตัวรับสัญญาณ (Receiver)
• - กดปุ่ม (+) และ (-) ที่ตัวรับสัญญาณ (Receiver) ค้างไว้ 3 วินาที และกดปุ่ม Pair ที่ตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) ค้างไว้ 3 วินาที พร้อมกัน
• - หากเชื่อมต่อสำเร็จ ไฟสถานะ LED ของตัวรับสัญญาณ (Receiver) จะเป็นสีน้ำเงิน และไฟสถานะ LED ของตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) จะกะพริบทุก 2.5 วินาที
• - **หากไม่สำเร็จ ไฟสถานะ LED จะกะพริบทุก 1 วินาที ให้ทำตามขั้นตอนด้านบนอีกครั้งนึงครับ

การติดตั้งไมโครโฟน

• ด้านหลังตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) และตัวรับสัญญาณ (Receiver) มีคลิปสำหรับหนีบมาให้ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน โดยสามารถหมุนตัวคลิปได้ ใช้งานได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน
• หากต้องการติดตัวรับสัญญาณ (Receiver) บนตัวกล้องหรือบนอุปกรณ์อื่นๆผ่านช่อง Hot Shoe ให้ทำตามขั้นตอนดังนี้
• - เลื่อนตัวคลิปหนีบไปทางด้านขวา (ตามสัญลักษณ์ลูกศรบนตัวคลิป) เพื่อนำตัวคลิปออก (ต้องหมุนตัวคลิปให้เป็นแนวนอนก่อนถึงจะเห็นสัญลักษณ์ครับ)
• - จากนั้นนำอะแดปเตอร์สำหรับเชื่อมต่อผ่านช่อง Hot Shoe มาใส่เข้าไป โดยวางให้ถูกตำแหน่งและเลื่อนเข้าให้ลงล็อก
• - นำตัวรับสัญญาณ (Receiver) ไปติดไว้บนตัวกล้องหรืออุปกรณ์อื่นๆผ่านช่อง Hot Shoe และหมุนตัวล็อกอีกด้านของอะแดปเตอร์เข้ากับช่อง Hot Shoe เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน

การติดไมค์บนเสื้อ

• เริ่มจากการติดตั้งไมค์เข้ากับคลิปสำหรับหนีบปกเสื้อ โดยนำตัวไมค์ใส่เข้าไปในห่วงพลาสติกของตัวคลิป
• จากนั้นติดไมค์บนเสื้อ โดยให้ตัวไมค์อยู่ทางด้านหน้า และห่างจากใบหน้าประมาณ 20-25 ซม. (8-10 นิ้ว)
• **หากเสียงที่ได้รับไม่เสถียร ให้กลับหัวไมค์​ลง เพื่อลดเสียงลมหายใจและเสียงรบกวนจากการเคลื่อนไหวของ​ศีรษะ​ครับ
• ***แนะนำให้ใส่โฟมกันเสียงลม (Wind screen) เข้ากับตัวไมค์ไว้ตลอดนะครับ (แม้ว่าจะใช้งานในอาคาร) เพื่อหลีกเลี่ยงเสียงรบกวน รวมถึงป้องกันฝุ่นและสิ่งสกปรกเข้าไปในตัวไมค์ครับ
• ***แนะนำให้ติดไมค์แบบตัวสายอยู่ด้านในเสื้อนะครับ เพื่อลดเสียงรบกวนจากการเคลื่อนไหวของสายครับ

ไฟแสดงสถานะ LED

• ตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) และตัวรับสัญญาณ (Receiver) เชื่อมต่อกัน : Receiver ขึ้นไฟสีน้ำเงิน | Transmitter ไฟกะพริบทุก 2.5 วินาที
• ตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) และตัวรับสัญญาณ (Receiver) ไม่เชื่อมต่อกัน : Receiver ไฟกะพริบทุก 1 วินาที | Transmitter ไฟกะพริบทุก 1 วินาที
• ปิดการใช้งานตัวรับสัญญาณ (Receiver) (แต่เปิดการใช้งานตัวส่งสัญญาณ (Transmitter)) : Receiver ไม่โชว์ไฟ | Transmitter ไฟสีน้ำเงินกะพริบ
• ปิดการใช้งานตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) (แต่เปิดการใช้งานตัวรับสัญญาณ (Receiver)) : Receiver ไฟสีน้ำเงินกะพริบ | Transmitter ไม่โชว์ไฟ
• แบตเตอรี่ต่ำ : Receiver ไฟสีแดงกะพริบ | Transmitter ไฟสีแดงกะพริบ

การใช้งานเพิ่มเติม

• สามารถดูวิธีการใช้งานเพิ่มเติมได้ที่คู่มือการใช้งานที่ให้มาในชุด หรือ คลิกที่นี่ครับ
• ***สำหรับ Smartphone ระบบ Android บางรุ่นอาจไม่รองรับการใช้งานร่วมกับไมค์รุ่นนี้ครับ โดยจำเป็นต้องโหลด App ที่ชื่อว่า 'Open Camera' เพื่อให้สามารถใช้งานร่วมกันได้ครับ
• วิธีการตั้งค่าในแอปพลิเคชัน Open Camera : เมื่อเปิดแอปแล้วให้เข้าไปที่ Setting > Video setting > Audio source > ให้เลือกเป็น External mic ครับ

เงื่อนไขการรับประกัน

• ตัวผลิตภัณฑ์รับประกันภายใน 2 ปี ภายใต้เงื่อนไขที่ทางแบรนด์กำหนด โดยความเสียหายที่เกิดจากการผลิตและไม่รวมถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานผิดประเภท
• สามารถดูรายละเอียดเงื่อนไขการรับประกันสินค้าแบรนด์ BOYA ได้ คลิกที่นี่เลยครับ
• **โดยผู้ซื้อจำเป็นต้องลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ เพื่อเพิ่มการรับประกันจาก 1 ปี เป็น 2 ปี (24เดือน) ภายใน 1 เดือนหลังจากซื้อสินค้า และที่หน้ากล่องต้องมีสติกเกอร์ 24 เดือนเท่านั้น**
• สแกน QR Code ที่หน้ากล่องบรรจุภัณฑ์เพื่อลงทะเบียน หรือ คลิกที่นี่ได้เลยครับ
• หากสินค้ามีปัญหาหรือชำรุด และอยู่ภายใต้เงื่อนไขการรับประกันของแบรนด์ BOYA ลูกค้าสามารถนำสินค้าไปที่ Digital2home ทุกสาขาได้เลยครับ
• (ต้องแสดงใบเสร็จการสั่งซื้อจาก 425Degree เพื่อยืนยันการสั่งซื้อจากทางร้าน ซึ่ง 425 ส่งใบเสร็จไปให้ทาง E-mail ครับ)

การรับรองมาตรฐานและความปลอดภัย

• ผ่านการรับรองมาตรฐาน CE, FCC, RoHS certifications
• CE : เป็นเครื่องหมายที่แสดงการรับรองจากผู้ผลิตว่าสินค้ามีคุณสมบัติตามข้อกำหนดด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของสหภาพยุโรป
• FCC : อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์/คอมพิวเตอร์ทุกชิ้นก่อนที่จะนำไปขายในสหรัฐฯจะต้องได้รับการรับรองจาก FCC (เป็นองค์กรของรัฐบาลสหรัฐฯ) เพื่อให้ตรงกับข้อจำกัดทางกฎหมายเกี่ยวกับการเป็นตัวนำและการกระจายคลื่นวิทยุ
• RoHS : เป็นมาตรฐานเพื่อสิ่งแวดล้อม กำหนดให้ชิ้นส่วนทุกอย่างที่ประกอบเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ตั้งแต่แผงวงจร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงสายไฟ จะต้องมีสารที่เป็นอันตรายไม่เกินไปกว่าที่กำหนด (ตะกั่ว/ปรอท/แคดเมียม/เฮกซะวาเลนท์/โพลีโบรมิเนต/โพลีโบรมิเนต)

การทำความสะอาดและดูแลรักษา

• หลีกเลี่ยงการใช้งานในที่ที่ฝุ่นเยอะและความชื้นสูง หรือบริเวณที่เปียกแฉะ
• ก่อนใช้งานทุกครั้งให้ตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์
• ขณะเสียบใช้งานหรือถอดออก ควรจับที่ตัวบอดี้ เพื่อป้องกันสายไฟหักหรือขาดครับ
• เก็บไมโครโฟนในกระเป๋าที่แถมมาเมื่อไม่ได้ใช้งาน เพื่อป้องกันฝุ่นและสิ่งสกปรก
• หมั่นเช็ดทำความสะอาดด้วยผ้าสะอาด ไม่ควรใช้สารเคมีใดๆครับ (และโปรดระมัดระวังเรื่องความชื้นของผ้าด้วยครับ ผ้าควรจะเป็นผ้าแห้งครับ)
• **หากไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานานหรือถ่านหมด ควรถอดถ่านออกครับ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายต่อตัวไมโครโฟน