Anker PowerCore Speed 20000 PD ( Powerbank 20100 mAh | PD24W )

425Degree Recommend

แบรนด์ Anker เป็นแบรนด์ที่ทำสินค้าออกมาได้ปราณีตทั้งงานประกอบและความเสถียรในการจ่ายไฟ ที่จ่ายไฟได้เร็วและแรงตรงตามสเปค ในส่วนของงานประกอบก็เห็นได้ชัดเจนว่าดีกว่าแบตสำรองทั่ว ๆ ไป มีคุณภาพในการผลิตที่ดีจริง ๆ เชื่อถือได้ด้วยมาตรฐานระดับ USA และแบรนด์นี้เป็นที่นิยมมากในต่างประเทศครับ ซึ่ง Anker PowerCore Speed 20000 PD แบตสำรองคุณภาพเยี่ยมที่มาพร้อมกับการชาร์จเร็วแบบ PD (Power Delivery) และมีความจุมาให้ถึง 20100 mAh ไม่ว่าจะออกทริปสักกี่วัน พกตัวนี้ไปรับรองเอาอยู่ !

• หลังจากที่ทางทีมงาน 425Degree ได้ทดลองใช้งานจริงต้องบอกเลยว่าเป็นแบตสำรองอีกตัวที่น่าสนใจมากครับ ดีไซน์ของแบรนด์ Anker มีเอกลักษณ์และดูพรีเมี่ยม พร้อมทั้งรูปทรงที่โค้งมนทำให้จับกระชับเข้ารูปกับมือ และมีขนาดกำลังดี ยาวแต่ไม่กว้างจับถนัดมือมากครับ ซึ่งทางแบรนด์เลือกใช้กรอบวัสดุพลาสติก ABS แบบด้านเนื้อละเอียด ให้ความรู้สึกได้ถึงความแข็งแรงบึกบึนและแน่นหนาสุด ๆ  
• จุดเด่นของตัวนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องการชาร์จเร็วแบบ PD ที่เร็วสะใจจริง ๆ ครับ ซึ่งทำออกมารองรับการใช้งานร่วมกับ iPhone โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น iPhone Xs Max, Xs, X, XR หรือ iPhone 8 / 8 Plus ก็ชาร์จเร็วได้สบาย รวมถึง iPad Pro ทุกรุ่นที่รองรับการชาร์จเร็วด้วยครับ แถมมาพร้อมกับความจุถึง 20100 mAh ที่ใช้ได้แบบจุใจ แม้จะออกทริปหลายวันก็หายห่วงครับ
• ความพิเศษอีกอย่างนึงของรุ่นนี้คือสามารถใช้งานร่วมกับ Nintendo Switch ได้เช่นเดียวกันกับรุ่น Anker PowerCore Speed 20100 Nintendo Switch Edition ( Powerbank 20100 mAh + PD ) ซึ่งเป็นโมเดลตัวเดียวกัน แตกต่างกันเพียงเรื่อง license ของ Nintendo เท่านั้น หากสาวก Nintendo คนไหนต้องการแบตสำรองที่มี Nintendo's license คลิกที่นี่ ได้เลยครับ แต่หากไม่ได้ต้องการ license เน้นใช้งาน คุ้มราคา แอดมินแนะนำ Anker PowerCore Speed 20000 PD ตัวนี้เลยครับ
• ยิ่งในเรื่องของคุณภาพยิ่งมั่นใจได้เลยว่าปลอดภัย 100% มีระบบป้องกันไฟกระชาก, ป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร, ควบคุมกระแสไฟ และควบคุมอุณหภูมิ เรียกได้ว่าทั้งปลอดภัยต่อตัวอุปกรณ์และตัวผู้ใช้เลยครับ ใครที่กำลังมองหาแบตสำรองความจุสูง ๆ ที่คุณภาพพรีเมี่ยมมีมาตรฐานแบรนด์ดังรองรับ รวมถึงงานประกอบเนี้ยบ ๆ ขนาดกำลังดี บอกได้เลยครับว่าตัวนี้คือคำตอบ !

Highlight

• รุ่นนี้มาพร้อมช่องจ่ายไฟ 2 ช่อง คือช่อง USB-A ที่มีเทคโนโลยี PowerIQ และช่อง USB-C ที่รองรับเทคโนโลยี PD
• สำหรับช่องแรก USB-C เป็นทั้งช่อง Input และ Output โดย Output จะรองรับทั้งเทคโนโลยี PD จ่ายไฟที่ 5V/3A, 9V/2.6A, 15V/1.6A (สูงสุด 24W) ช่วยให้ชาร์จอุปกรณ์ได้เต็มเร็วกว่าการชาร์จทั่วไปหลายเท่า ส่วน Input จะรองรับ PD รับกำลังไฟที่ 5V/3A, 9V/3A, 15V/2A, 20V/1.5A (สูงสุด 30W) หากชาร์จเข้าแบตสำรองด้วย Adapter PD 30W ขึ้นไป ก็จะใช้เวลาชาร์จจนเต็มเพียง 3 ชม. เท่านั้น เทียบกับการชาร์จด้วย Adapter ที่ไม่มีเทคโนโลยี PD จะใช้เวลาชาร์จจนเต็มนานถึง 20 ชม.
• ***เพื่อความรวดเร็วในการชาร์จ สามารถใช้สายที่แถมมาให้ในกล่องในการชาร์จไฟเข้าแบตสำรองได้เลย แต่จำเป็นต้องใช้ร่วมกับอะแดปเตอร์ที่รองรับ PD (Power Delivery) เช่นกัน และต้องเป็นรุ่นที่จ่ายไฟได้ 30W ขึ้นไปด้วยนะครับ
• ช่องที่ 2 คือ USB-A จะมีเทคโนโลยีเฉพาะของแบรนด์ Anker ที่เรียกว่า PowerIQ ใส่มาให้ด้วย เทคโนโลยีนี้จะช่วยคำนวนปริมาณการรับไฟเข้าของแต่ละอุปกรณ์ที่นำมาเสียบชาร์จว่ารับได้สูงสุดเท่าไหร่ แล้วจะจ่ายไฟออกให้มากที่สุดตามที่สเปคแบตสำรองจะจ่ายได้ จึงช่วยให้กำลังไฟมีความเสถียรกว่าแบตสำรองทั่ว ๆ ไป โดยช่องนี้ Output อยู่ที่ 5V/2A หรือ 10W

Product Detail รายละเอียดสินค้า

• แบรนด์ : Anker
• ชื่อรุ่น : PowerCore Speed 20000 PD
• วัสดุ : พลาสติก ABS (Acrylonitrile Butadiene Styrene)
• สี : Black (ดำ)
• ขนาด : 6.2 x 16.8 x 2.2 ซม.
• น้ำหนัก : 367 กรัม
• แบรนด์ Anker ใช้เทคโนโลยีเลเซอร์คัท จึงได้อุปกรณ์ที่งานประณีต น่าใช้งาน
• Cell Battery เป็นแบบ Lithium – ion Battery ช่วยป้องกันความร้อน แบตบวม และการระเบิดได้เป็นอย่างดี
• รุ่นนี้มาพร้อมความจุ 20100 mAh นำไปชาร์จกับ iPhone/Smartphone/Tablet ได้หลายรอบ (ขึ้นอยู่กับความจุของ iPhone/Smartphone/Tablet แต่ละรุ่นด้วย)
• โดยมีช่องจ่ายไฟมาให้ 2 ช่อง ช่องแรกเป็นช่อง USB-A ที่มี PowerIQ เเละอีกช่องคือช่อง USB-C ที่มาพร้อมเทคโนโลยี PD ทำให้สามารถชาร์จอุปกรณ์ที่รองรับได้รวดเร็วยิ่งขึ้นหลายเท่า
• เมื่อชาร์จพร้อมกันทั้ง 2 ช่อง ระบบการชาร์จเร็วจะยังทำงานได้ปกติ
• มีระบบชาร์จอัตโนมัติ คือเมื่อเราเสียบชาร์จเข้ากับอุปกรณ์ก็จะทำการชาร์จทันที
• รุ่นนี้มาพร้อมไฟแสดงสถานะเป็นไฟ LED สีน้ำเงิน 4 ดวง ซึ่ง 1 ดวง หมายถึง ปริมาณแบตประมาณ 25 เปอร์เซนต์
• ด้านข้างจะมีปุ่ม Power มาให้ กด 1 ครั้งเพื่อเปิดใช้งาน/เช็คปริมาณแบต และกด 2 ครั้งติดกันเพื่อปิดการใช้งาน
• เมื่อชาร์จแบตสำรองจนเต็ม ไฟ LED จะติดอยู่อีกประมาณ 10 นาที ก่อนจะดับลงเองอัตโนมัติ
• แต่หากใช้แบตสำรองชาร์จเข้ากับอุปกรณ์อื่น ๆ จนเต็ม ไฟที่แบตสำรองจะไม่ดับอัตโนมัติจนกว่าจะถอดสายออก
• มีระบบตัดวงจรไฟอัจฉริยะ ช่วยควบคุมปริมาณการจ่ายไฟ และไม่ทำให้เกิดการกระชากไฟ ปลอดภัยสำหรับชาร์จทุกอุปกรณ์
• ตัวแบตสำรองเป็นสีดำผิวสัมผัสแบบเรียบด้านจึงอาจเกิดรอยนิ้วมือและคราบมันให้เห็นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีผลต่อการใช้งานและเช็ดออกได้ง่าย
• บนตัวแบตสำรองมีการสลักโลโก้เเบรนด์ Anker สวยงาม
• ด้านท้ายของแบตสำรองสกรีนเป็นข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลเชิงเทคนิคมาให้เพื่อการใช้งานที่ถูกต้อง และที่เห็นสติกเกอร์เงา ๆ นั่นคือสติกเกอร์การรับประกันครับ
• ในชุดแถมฟรีถุงผ้าสำหรับจัดเก็บ และสายชาร์จ Type-C to Type-C คุณภาพดี (สาย Type-C to Type-C จะรองรับทั้ง PD และใช้ Sync กับคอมพิวเตอร์ได้ด้วยครับ) นอกจากนี้ยังมีสาย Micro-USB มาให้อีกเส้น เรียกได้ว่ามีมาให้ครบจบทุกการใช้งาน
• ***เนื่องจากสินค้าชิ้นนี้เป็นอุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยี PD หากชาร์จกับอุปกรณ์ที่รองรับเทคโนโลยี QC3.0 สามารถชาร์จได้เช่นกันแต่จะจ่ายไฟไม่เต็มกำลัง หรือไม่ขึ้นคำว่า Fast Charge ที่หน้าจอ ซึ่งหากลูกค้าใช้ Smartphone ที่รองรับ QC3.0 ควรหาแบตสำรองที่มีเทคโนโลยี QC3.0 จะชาร์จได้เต็มประสิทธิภาพมากกว่าครับ
• ***เนื่องจากแบตสำรองรุ่นนี้มีช่องชาร์จไฟเข้าแบบ PD ซึ่งเป็นไฟที่ค่อนข้างแรง ถึงแม้ตามสเปคจะมีการแจ้งว่าสามารถรับไฟที่ต่ำระดับ 5V/3A ได้ แต่จากที่เราได้ทดสอบ ควรใช้ร่วมกับอะแดปเตอร์ที่จ่ายไฟแบบ PD จะชาร์จไฟเข้าได้เร็วและไม่มีปัญหาเรื่องชาร์จไม่เข้าครับ ส่วนที่ลองชาร์จไฟเข้าแบตสำรองด้วยกำลังไฟต่ำ ๆ เจอว่าบางครั้งจะชาร์จไฟไม่เข้าครับ ซึ่งส่วนนี้เราได้ประสานงานกับทาง Anker และทราบมาว่าเป็นข้อจำกัดของสินค้าบางรุ่นครับ แต่ไม่ได้มีผลต่อการใช้งานใด ๆ ครับ
• ***อะแดปเตอร์ PD ที่แนะนำให้ใช้ร่วมกันคือ Anker PowerPort Speed USB-C Port 30W (คลิกที่นี่) และ Anker PowerPort Speed1 PD 60W (คลิกที่นี่)
• **เทคโนโลยี PD (Power Delivery) คือเทคโนโลยีที่จะจ่ายไฟผ่านช่อง USB-C และจำเป็นต้องใช้สาย Type-C ในการเชื่อมต่อ ช่องนี้สามารถจ่ายแรงดันไฟ (V) ได้ตั้งแต่ 5V ไปจนถึง 20V ซึ่งจะช่วยทวีคูณพลังงานที่จ่ายให้กับอุปกรณ์ ช่วยให้จ่ายไฟแรงขึ้นและช่วยให้ประหยัดเวลามากยิ่งขึ้น ซึ่งเหมาะกับอุปกรณ์ที่ต้องการพลังงานมาก ๆ เช่น Notebook เป็นต้นครับ ซึ่งแบรนด์ Apple ได้จับเทคโนโลยีนี้มาใส่ไว้ใน iPhone Xs Max, Xs, X, XR, iPhone 8/ 8 Plus ทำให้ชาร์จได้รวดเร็วมากขึ้นกว่า Adapter เดิม อีกทั้งยังใช้ชาร์จ MacBook 12 นิ้ว, Macbook Pro 13", iPad Pro รวมถึง Nintendo Switch ด้วยครับ
• ***หากนำไปใช้งานฟังก์ชั่นการชาร์จเร็วแบบ PD กับ iPhone Xs Max, Xs, X, XR, iPhone 8 Plus, 8 จำเป็นต้องใช้ร่วมกับสาย USB-C to Lightning ด้วยนะครับ ซึ่งจะไม่มีแถมมาให้ในกล่องนะครับ
• ***สำหรับการชาร์จ Nintendo Switch ด้วยแบตสำรอง ต้องอัพเดทเวอร์ชั่นเป็น 5.0.1 ก่อนนะครับ (เวอร์ชั่น 5.0.1 ขึ้นไป) จึงจะสามารถชาร์จได้อย่างเต็มประสิทธิภาพครับ
• ***ต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่แบตสำรองที่รองรับ PD ทุกรุ่นที่จะชาร์จกับ Nintendo Switch ได้อย่างเสถียรและปลอดภัยนะครับ เพราะหากใช้แบตสำรองรุ่นที่ไม่ได้รองรับโดยตรงหรือสเปคไม่เพียงพออาจทำให้ Nintendo Switch เสี่ยงอาการเครื่อง brick ถาวรได้เลยครับ
• ****หากไฟ LED ทั้ง 4 ดวงกระพริบเป็นเวลา 10 วินาที นั่นหมายความว่าตัวแบตสำรองมีอุณหภูมิ​สูงเกิน 60 องศาเซลเซียส​ ซึ่งในการป้องกันความเสียหาย​ที่อาจจะเกิดขึ้นตัวแบตสำรองจะหยุดการจ่ายไฟออกทางช่อง USB-A โดยอัตโนมัติ​ และช่อง USB-A จะกลับมาใช้งาน​ได้​ตามปกติอีกครัั้งเมื่อตัวแบตสำรองกลับมา​มีอุณหภูมิ​ตามปกติ
• **จากที่แอดมินลองใช้มาสักพัก หากไม่จัดเก็บลงในถุงผ้า ตัวแบตสำรองอาจเกิดรอยขนแมวให้เห็นได้ง่าย แต่ก็ไม่ได้มีผลต่อประสิทธิภาพการใช้งานนะครับ

Gallery รูปถ่ายจากสินค้าจริง

อุปกรณ์ภายในกล่อง

• Anker PowerCore Speed 20000 PD x 1
• สายชาร์จ Type-C to Type-C (ความยาว 90 ซม.) x 1
• สาย Micro-USB (ความยาว 60 ซม.) x 1
• ถุงผ้าสำหรับใส่แบตสำรอง
• คู่มือการใช้งาน x 1

ข้อมูลเชิงเทคนิค

• Total Wattage : 72.36Wh
• Capacity : 20100 mAh
• USB-C Input (PD) : 5V/3A, 9V/3A, 15V/2A, 20V/1.5A (Max 30W)
• USB-A Output : 5V/2A (Max 10W)
• USB-C Output (PD) : 5V/3A, 9V/2.6A, 15V/1.6A (Max 24W)
• Full Charge : 3 ชั่วโมง (ใช้หัวชาร์จที่รองรับ PD 30W )
• Power Indicator : LED 4 ดวง

อุปกรณ์ที่รองรับการใช้งาน

การชาร์จด้วยช่อง USB

• อุปกรณ์ทุกรุ่นที่รองรับการจ่ายไฟผ่านช่อง USB

การชาร์จด้วยช่อง USB-C

• iPhone Xs Max, Xs, X, XR, 8 Plus, 8 **สามารถชาร์จได้โดยใช้สาย USB-C to Lightning (ไม่มีแถมมาในกล่อง)
• iPad Pro 2018
• Samsung Galaxy Note 9
• Samsung Galaxy S9/S9 Plus
• Samsung Galaxy Note 8
• Samsung Galaxy S8/S8 Plus
• Samsung Galaxy C9 Pro
• Samsung Galaxy A5 (2017)
• Samsung Galaxy C7 Pro
• Samsung Galaxy C9 Pro
• Huawei Honor 8
• Huawei Mate 20/Mate 20 Pro/Mate 20 X
• Huawei P20/P20 Pro
• Huawei Mate 10/ Mate 10 Pro
• Huawei P10/P10 Plus
• Huawei Mate9/Mate9 Pro
• Huawei P9/P9 Plus
• Huawei Nova/Nova Plus
• Huawei Nexus 6P
• ASUS ZenFone 3
• ASUS ZenFone 3 Deluxe
• ASUS ZenFone 3 Ultra
• Google Pixel Google Pixel Xl
• HTC 10
• Sony Xperia XZ Premium
• Sony Xperia X Compact
• Xiaomi Mi 5
• Vivo Xplay5 Elite
• Oppo F3
• Motorola Moto Z
• Motorola Moto M
• LG Nexus 5X
• LG G5
• LG V20
• Nintendo Switch
• หรืออุปกรณ์ที่มีพอร์ตชาร์จแบบ USB-C ครับ

การทดลองวัดค่าการจ่ายไฟ

• ด้านล่างเป็นการเทสการชาร์จไฟเข้าด้วย Adapter PD 30W จะเห็นได้ว่าจ่ายไฟอยู่ที่ 19.32V/1.33A หรือ 25.83W ซึ่งเป็นการชาร์จตามมาตรฐาน PD ตามสเปคที่ระบุมาเลยครับ

• ทางทีมงานได้ทดสอบการจ่ายไฟทั้งช่อง USB-C ที่รองรับ PD และช่อง USB-A ที่รองรับ PowerIQ ผลที่ได้ดังนี้ครับ
• สำหรับ iPhone Xs
• ภาพด้านล่างเราเทสการจ่ายไฟให้กับ iPhone Xs พบว่าเมื่อลองเสียบชาร์จช่อง USB-C สามารถจ่ายไฟได้ที่ประมาณ 8.83V/1.54A หรือ 13.90W ซึ่งเป็นการชาร์จเร็วตามมาตรฐาน PD ครับ 
• ส่วนในช่อง USB-A สามารถจ่ายไฟได้ที่ประมาณ 5.24V/2.17A เรียกว่าจ่ายไฟได้ตรงตามสเปค 5V/2A ที่ระบุมาเลยครับ

• สำหรับ iPad Pro 12.9" (Gen3 / 2018)
• ทีมงานได้ลองเสียบชาร์จเข้ากับ iPad Pro 12.9" (Gen3 / 2018) ในช่อง USB-C สามารถจ่ายไฟได้ที่ประมาณ 14.73V/1.53A หรือ 22.54W ซึ่งเป็นการชาร์จเร็วตามมาตรฐาน PD เช่นกันครับ

• นอกจากนี้แอดมินยังได้ลองชาร์จพร้อมกันทั้ง 2 ช่อง เมื่อชาร์จพร้อมกัน ช่อง USB-C ก็ยังสามารถจ่ายไฟแบบชาร์จเร็วได้ครับ รวมถึงช่อง USB-A ก็ชาร์จออกที่กำลังไฟประมาณ 5V/2A เช่นกัน ซึ่งแตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ ตรงที่ว่า แบตสำรองเจ้าอื่นที่มีช่องชาร์จเร็วและมีช่องชาร์จปกติมาให้อีกหลาย ๆ ช่อง เมื่อชาร์จมากกว่า 1 เครื่องขึ้นไป ฟังก์ชั่นการชาร์จเร็วเหล่านี้ก็จะไม่ทำงาน แต่สำหรับ Anker รุ่นนี้ แม้จะเสียบชาร์จ 2 เครื่อง สเปคการจ่ายไฟของแต่ละช่องก็ยังทำงานได้ปกติครับ

สรุปเรื่องการจ่ายไฟนะครับ

• หากเสียบชาร์จ iPhone/Smartphone/Tablet (รุ่นที่รองรับการชาร์จเร็วPD) ผ่านช่อง USB-C 1 เครื่อง สามารถชาร์จได้ จะเป็นการชาร์จเร็วPD
• หากเสียบชาร์จ iPhone/Smartphone/Tablet (รุ่นที่รองรับการชาร์จเร็วPD) 1 เครื่อง (ผ่านช่อง USB-C) และชาร์จ iPhone/Smartphone/Tablet อีก 1 เครื่อง (ผ่านช่อง USB-A) สามารถชาร์จได้ ฟังก์ชั่น PD ยังทำงานครับ
• กล้องทั่วไป หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ให้ดูตามปริมาณไฟที่ใช้นะครับ (ดูได้ที่คู่มืออุปกรณ์) ถ้าเป็น 1A ให้คิดเหมือน Smartphone ถ้าเป็น 2A ให้คิดเป็น Tablet ครับ

การใช้งานโดย 425degree

• **การทดสอบโดยการชาร์จทิ้งไว้เฉย ๆ การใช้งานจริงจะขึ้นอยู่กับการเล่นโทรศัพท์ระหว่างชาร์จ แสงหน้าจอ Notification ด้วยซึ่งอาจทำให้รอบน้อยกว่าที่แจ้งในที่นี่ได้ครับ** (เช่น 10000 mAh ตัวแบตจะมีไฟส่วนหนึ่งที่สูญเสียไปที่ตัวอุปกรณ์ระหว่างที่ชาร์จประมาณ 30% และจะมีอีกส่วนหนึ่งที่สูญเสียไฟไปในการแปลงไฟเข้าสู่เครื่องโทรศัพท์ ดังนั้นเวลาชาร์จจริงจะไม่มีแบตสำรองตัวไหนชาร์จได้เต็ม 10000 mAh เต็มตาม Spec ครับ)
• iPhone Xs Max (3174 mAh) = ประมาณเกือบ ๆ 4 รอบ
• iPhone Xs (2658 mAh) = ประมาณเกือบ ๆ 5 รอบ
• iPhone XR (2942 mAh) = ประมาณ 4 รอบ
• iPhone X (2716 mAh) = ประมาณ 4 รอบกว่า ๆ
• iPhone 8 Plus (2675 mAh ) = ประมาณ 4 รอบกว่า
• iPhone 8 (1821 mAh) = ประมาณเกือบ ๆ 7 รอบ
• iPhone 7 Plus (2900 mAh) = ประมาณ 4 รอบ
• iPhone 7 (1960 mAh) = ประมาณ 6 รอบ
• iPhone 6 Plus/6s Plus ( 2915 mAh ) = ประมาณ 4 รอบ
• iPhone 6/6s (1810 mAh) = ประมาณเกือบ ๆ 7 รอบ
• iPad Pro 12.9" Gen3 (9720 mAh) = ประมาณ 2 รอบ
• iPad Pro 11" (7812 mAh) = ประมาณ 2 รอบครึ่ง
• iPad mini 4 (5124 mAh) = ประมาณ 2 รอบกว่า ๆ
• iPad Air 2 (7340 mAh) = ประมาณเกือบ ๆ 2 รอบ
• Galaxy Note 9 (4000 mAh) = ประมาณ 3 รอบ
• Galaxy Note 8 (3300 mAh) = ประมาณเกือบ ๆ 4 รอบ
• Galaxy S8 (3000 mAh) = ประมาณ 4 รอบ
• Galaxy S8 Plus (3500 mAh) = ประมาณ 3 รอบกว่า ๆ
• Galaxy S7 (3000 mAh) = ประมาณ 4 รอบ
• Galaxy S7 Edge (3600 mAh) = ประมาณ 3 รอบกว่า ๆ
• Galaxy S6 (2550 mAh) = ประมาณเกือบ ๆ 5 รอบ
• Galaxy S6 Edge (2600 mAh) = ประมาณ 4 รอบกว่า ๆ
• Huawei P9 (3000 mAh) = ประมาณ 4 รอบ
• Huawei P9 Plus (3400 mAh) = ประมาณ 3 รอบกว่า ๆ
• Huawei Mate 9 (4000 mAh) = ประมาณ 3 รอบ
• Huawei Mate9 Pro (4000 mAh) = ประมาณ 3 รอบ
• Nintendo Switch (4310 mAh) = ประมาณ 2 รอบครึ่ง

เงื่อนไขการรับประกัน

• ตัวผลิตภัณฑ์รับประกันภายใน 2 ปี ภายใต้เงื่อนไขที่ทางแบรนด์กำหนด โดยเป็นความเสียหายที่เกิดจากการผลิตและไม่รวมถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานผิดประเภท โดยมีเงื่อนไขดังนี้
• อุปกรณ์เสริมอื่นๆที่แถมมาในกล่อง จะรับประกัน 7 วันครับ
• รับประกันสินค้าที่ชำรุดเสียหายที่เกิดจากความบกพร่องในการผลิตจากโรงงาน หรือชิ้นส่วนที่ไม่ได้มาตราฐาน
• การรับประกันนี้จะไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการใช้งานที่ผิดวิธี, อุบัติเหตุ, ภัยธรรมชาติ, การตกหล่น, การซ่อมแซม
• สินค้ามีรอยแก้ไข แตกหัก มีสภาพความเสียหาย ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไม่ครบ หรือสูญหายจะถือว่าสินค้าสิ้นสุดการรับประกันทันทีครับ
• ***ผู้ซื้อต้องเก็บกล่องบรรจุภัณฑ์เพื่อใช้ในการยืนยันในการซื้อสินค้ากับทางร้าน 425Degree กรณีที่อยู่ในการรับประกัน**

การรับรองมาตรฐานและความปลอดภัย

• ผ่านการรับรองมาตรฐาน CE, PSE, RoHS certifications
• CE : เป็นเครื่องหมายที่แสดงการรับรองจากผู้ผลิตว่าสินค้ามีคุณสมบัติตามข้อกำหนดด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของสหภาพยุโรป
• PSE : เป็นมาตรฐานชี้วัดคุณภาพของเครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศญี่ปุ่น ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วปลอดภัย ได้รับการตรวจสอบและได้ใบรับรองเรียบร้อยแล้ว
• RoHS : เป็นมาตรฐานเพื่อสิ่งแวดล้อม กำหนดให้ชิ้นส่วนทุกอย่างที่ประกอบเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ตั้งแต่แผงวงจร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงสายไฟ จะต้องมีสารที่เป็นอันตรายไม่เกินไปกว่าที่กำหนด (ตะกั่ว/ปรอท/แคดเมียม/เฮกซะวาเลนท์/โพลีโบรมิเนต/โพลีโบรมิเนต)
• และยังรับรองว่าเป็นสินค้าที่สามารถนำไปรีไซเคิลต่อได้ครับ ถือว่าช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้ดีครับ
• มีระบบตัดวงจรไฟอัตโนมัติหากเกิดความร้อนเกินกว่ากำหนด ช่วยควบคุมปริมาณการจ่ายไฟและไม่ทำให้เกิดการกระชากไฟ ปลอดภัยสำหรับชาร์จอุปกรณ์   

การทำความสะอาดและดูแลรักษา

• ควรใช้งานในที่อากาศถ่ายเทได้ เพื่อลดการสะสมความร้อนที่ตัวอุปกรณ์ครับ
• หลีกเลี่ยงการใช้งานในที่ที่ความชื้นสูง หรือบริเวณที่เปียกแฉะ
• ก่อนใช้งานทุกครั้งให้ตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์
• ขณะเสียบใช้งานหรือถอดออก ควรจับที่ตัวบอดี้ เพื่อป้องกันสายไฟหักหรือขาดครับ
• หมั่นเช็ดทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ ไม่ควรใช้สารเคมีใด ๆ (และโปรดระมัดระวังเรื่องความชื้นของผ้าด้วยครับ ผ้าควรจะหมาดมาก ๆ จนเกือบแห้งครับ)