กำลังโหลด... 490 view(s)
เปรียบเทียบหูฟังออกกำลังกายไร้สาย Jabra Elite 7 Active VS Beats Fit Pro True Wireless
หูฟังออกกำลังกาย True Wireless สายพรีเมี่ยม
ใครดี ใครด้อยจุดไหน เดี๋ยวรู้กัน!
- สวัสดีครับเพื่อนๆ 425Audio ทางทีมงาน 425Audio มีโอกาสได้จับหูฟังไร้สายตัวพรีเมี่ยมของแบรนด์ดังอย่าง >> Beats << , >> Jabra << มาให้ชมกัน ซึ่งขอเกริ่นไว้ก่อนเลย “ใครชอบใช้หูฟังออกกำลังกายบ่อยๆ” วิ่ง,ปั่นจักรยาน,โยคะ หรือ Fitness ห้ามพลาด
- ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา Beats แบรนด์ชั้นนำสายไลฟ์สไตล์ที่เหล่าดารา,Celebrity หลายคนเลือกใช้ เปิดตัวหูฟังไร้สาย True Wireless รุ่นเรือธงใหม่ออกมาอีกหนึ่งรุ่นคือ Beats Fit Pro
- เบื้องต้นหูฟังตัวดังกล่าว เป็นหูฟังที่มีเอกลักษณ์ต่างๆโดดเด่นไปทางเรื่องใช้งานประจำวันที่มากขึ้น พัฒนาปรับจูนเสียงใหม่ ให้เข้ากับเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยยังคงเน้นเรื่องการสวมใส่ออกกำลังกายที่เป็นจุดเด่น และที่สำคัญ มีการปรับขนาดให้เล็กลง เมื่อเทียบกับรุ่นเรือธงที่ผ่านมาอย่าง Beats Powerbeat Pro ทำให้ในจุดนี้นั้นเป็นอีกหนึ่งความสนใจสำหรับผู้ที่เคยผ่านการใช้งานมาก่อนแล้ว
- สำหรับ 425Audio เองแล้ว ต้องยอมรับเลยครับว่าเมื่อได้ลองเล่นหลายๆอย่าง ก็รู้สึกว่า Beats Fit Pro ปรับมาได้เข้ากับยุคสมัยยิ่งขึ้นจริง และแน่นอนว่าหูฟังออกกำลังกายในคลาสใกล้เคียงกัน คงหนีไม่พ้น Jabra Elite 7 Active ที่ฮิตอีกหนึ่งรุ่น ซึ่งทางทีมงานมีโอกาสนำ มาเปรียบเทียบมวยการใช้งานในแต่ละมุมให้ชมกันครับ เอาเป็นว่าเราไปเริ่มกันเลยดีกว่า
เปรียบเทียบสเปคคร่าวๆ
ดีไซน์
- โดยรวมแล้ว Jabra เล็ก Slim กว่า ทั้งความกว้าง-ยาว แต่ Beats Fit Pro ก็ไม่ได้เทอะทะกว่ากันมากนักครับ
- หากนำ Beats Fit Pro ไปเทียบกับ Beats Powerbeats Pro รุ่นที่ผ่านมา ในรุ่นนี้ถือว่าดีไซน์มาเฉียบขาดกว่าเดิมเยอะครับ
คุณภาพวัสดุ
- งานแน่น ไม่ก๊องแก๊งทั้งคู่ แต่ฟิลลิ่งสัมผัส Beats แอบรู้สึกพรีเมี่ยมกว่าเล็กน้อยครับ หากใครเคยใช้งานพวกหูฟังตระกูล Airpods Pro ตัวนี้จะให้ฟิลลิ่งที่ใกล้เคียงแบบนั้น ทั้งเรื่องสัมผัส,ชนิดวัสดุ,เสียงเปิด-ปิดกล่อง (ความเห็นส่วนตัว)
การสวมใส่
- การใช้งานประจำวัน หากชื่นชอบ Fitting แน่น ดูดหูหนึบๆ ตัวเล็กไม่เกะกะมาก ซีลเสียงเงียบๆ Jabra Elite 7 Active จะตอบโจทย์ได้ดีกว่า ซึ่งเจ้า Beats Fit Pro ก็ให้ฟิลลิ่งกระชับเช่นกัน แต่มีความโปร่งกว่าเล็กน้อย
- ความคิดเห็นส่วนตัวของ 425Audio แอบงงๆบริเวณส่วนของ Wingtips(ครีบซิลิโคนช่วยยึดหู) ที่เหมือนไม่ค่อยรู้สึกถึงประโยชน์มากนัก และแอบรู้สึกเกะกะเล็กน้อย ขณะที่เราต้องการจัดระเบียบหูฟังตอนหยิบมาใส่หูในครั้งแรก (จัดระเบียบในหูยากกว่า Jabra Elite 7 Active)
- ทั้งสองรุ่นถูกดีไซน์มาให้มีคุณสมบัติต่อการสวมใส่ออกกำลังกายทั้งคู่ โดยทีมงานได้ลองนำไปวิ่ง Jogging เบาๆ ก็รับรู้ถึงฟิลลิ่งกระชับ ไม่หลุดหูทั้งคู่
การเชื่อมต่อ
Beats Fit Pro กับ Apple Device นี่พรีเมี่ยมเลยครับ
- ในตัวหูฟัง Beats Fit Pro ใช้ชิป Apple H1 เดียวกับพวกตระกูล Airpods Pro เชื่อมต่อง่ายมากๆกับ iOS เพียงแค่เปิดฝากล่องและบลูทูธ ก็มี Pop-Up เด้งมาให้โดยไม่ต้องมีแอพฯ สำหรับแอดฯเองมีทั้ง iPhone,iPad,Macbook ก็เชื่อมต่อไว้และสลับใช้งานได้ค่อนข้างเสถียร สะดวกสบาย
Jabra Elite 7 Active ก็ไม่แพ้กัน สามารถเชื่อมต่อกับแอพฯได้ แต่ยังไม่พรีเมี่ยมเท่า และรองรับ Multi-point Connect
- การเชื่อมต่อสามารถใช้ระบบช่วยเหลือการเชื่อมต่อบลูทูธได้ แต่ต้องโหลดแอพฯก่อน(Jabra Sound+) แต่สำหรับทีมงาน ยังรู้สึกว่ายังไงก็ไม่พรีเมี่ยมเท่าระบบ Pop-Up ของ Beats Fit Pro
- ข้อดีของ Jabra Elite 7 Active นั้นก็คือรองรับการเชื่อมต่อพร้อมกัน 2 เครื่อง(Multi-Point) ยกตัวอย่างเช่น คนที่มีทั้งโทรศัพท์ Android และ iPad ตัวหูฟังก็สามารถเชื่อมต่อได้พร้อมกัน เวลาต้องการใช้งานตัวไหน ก็เลือกเพียงปลายทางเสียงจากอุปกรณ์นั้นๆครับ
- ปัญหาเรื่องสะดุดขณะใช้งาน 425Audio ยังไม่พบขณะลองเล่น ลองใช้งานจริง (แต่มีโอกาสพบได้แน่นอน ในสถานที่สัญญาณไร้สายรบกวนเยอะๆ)
คุณภาพเสียงของ Jabra Elite 7 Active VS Beats Fit Pro
- แนวเสียงของทั้งคู่มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน ฟิลลิ่งการฟังต่างกันแบบไม่ต้องเพ่งฟังเลยครับ โดยย่านเสียงกลางและสูง(Middle&Treble) ของ Beats Fit Pro รุ่นนี้แอบให้ความรู้สึกเซอร์ไพรส์แตกต่างออกไปจาก Beats ที่ผ่านๆมา
- โทนคมชัดมากขึ้น สีสัน คัลเลอร์มากขึ้น จากที่ Beats รุ่นก่อนๆจะเน้นที่ย่านเสียงต่ำ(Bass) เป็นหลัก
- สำหรับจุดพิจารณาก็คือเรื่องการฟังในระยะนาน จะเกิดอาการล้าหูง่ายกว่า ยิ่งถ้าเป็นสายร๊อคนี่สะใจ แต่ล้าง่าย
- ส่วน Jabra Elite 7 Active ก็ยังมีสไตล์โทนเสียงหนา-อุ่น ให้ฟิลลิ่งการฟังที่แน่น แต่เสียงรายละเอียดดนตรีเนียน เน้นเป็นโทนที่ฟังได้นานครับ
Beats Fit Pro รองรับ SpatialAudio
- สำหรับฟีเจอร์นี้ต้องยอมให้ Beats Fit Pro ฉายเดี่ยว เพราะว่าตัว Jabra Elite 7 Active ไม่รองรับ
- Spatial Audio ช่วยให้การฟังได้มิติตามทิศทางของตำแหน่งการเล่นยิ่งขึ้น หันหนีไปทางไหน แหล่งเสียงก็ยังอยู่ตามตำแหน่งอุปกรณ์
- สำหรับทีมงาน 425Audio ยังรู้สึกว่าการใช้งานร่วมกับการฟังเพลงนั้นยังรู้สึก “หลอกหู” ยังไม่ได้ความธรรมชาติของเสียงในบางเพลงครับ
- กับระบบ Spatial Audio เหมาะกับการใช้ดูหนังมากกว่าการฟังเพลง เนื้อเสียงจะให้ความรู้สึกถึงตำแหน่งได้ดีกว่า โดยให้ความรู้สึกถึงความพิเศษ คุ้มค่า(Special) ของหูฟัง เพราะหูฟังค่ายอื่นๆที่ไม่ใช่เครือผลิตภัณฑ์ของ Apple ยังไม่สามารถทำได้
การใช้งานร่วมกับ Application
Beats Fit Pro
- การใช้งานบนแอพฯ Beats(Android) นั้นสามารถเลือกตั้งค่าปุ่มกดได้ว่าจะให้กดแล้วเป็นอะไร รวมถึงควบคุมโหมดตัดเสียงรบกวน,ดูดเสียงรอบข้างได้, เช็คสถานะแบตฯ แต่น่าเสียดายที่ยังไม่สามารถปรับ EQ เสียงได้ครับ
- ส่วนคนที่ใช้งานบน Apple Device(iPhone,iPad) ก็ปรับตั้งค่าหูฟังจากหน้าบลูทูธได้เลย โดยสัมผัสเลือกเครื่องหมาย Information ด้านหลังชื่อบลูทูธของหูฟังครับ
Jabra Elite 7 Active
- สำหรับ Jabra Elite 7 Active นั้นให้ลูกเล่นฟีเจอร์การปรับในแต่ละโหมดลึกกว่า ตั้งแต่การปรับระดับในโหมดทั้งตัดเสียงรบกวน & ดูดเสียงรอบข้าง(HearThrough) รวมถึงการปรับเสียง EQ ของหูฟังให้เหมาะกับการฟังในแนวเพลงที่หลากหลาย (ปรับได้หลายคาแลคเตอร์เสียง)
- สำหรับใครที่เคยใช้งานหูฟังJabra มาก่อนจะทราบกันดีว่า ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นอย่าง >>JABRA ELITE 2 << ,>> JABRA ELITE3 <<เขาก็สามารถปรับ EQ เสียงของหูฟังได้แล้ว ในราคาแบบเริ่มต้น
ระบบตัดเสียงรบกวน ANC & ดูดเสียงรอบข้าง
- สำหรับการตัดเสียงรบกวนแบบ ANC ที่ทั้งคู่มีมาให้นั้น สำหรับ 425Audio เองถือว่ายังเป็น ANC ที่ตัดได้จริง แต่ยังไม่ได้พรีเมี่ยมเท่าพวกระดับหูฟัง Sony WF-1000XM4, Airpods Pro ครับ
- รุ่นที่ทำได้น่าสนใจ ลูกเล่นเยอะนั้นต้องยกไปให้ที่ Jabra Elite 7 Active เพราะว่ามีการปรับระดับเสียง ลูกเล่นการตัดเสียงได้กว้างกว่าทาง Beats
- แต่เจ้า Beats เองนั้นยังมีคุณภาพการตัดเสียงที่เยี่ยมยอดกว่าเล็กน้อย หากคาดหวังการตัดย่านความถี่เสียงที่ดีกว่า ก็ยังต้องยกให้เขาครับ
สำหรับใครที่ต้องการหูฟังเน้นตัดเสียงรบนกวน ทางทีมงาน 425Audio ยังมีตัวเด็ดๆให้เลือกอีกมากมายครับ คลิ๊กที่นี่ได้เลย >> หูฟังตัดเสียงรบกวน <<
การคุยโทรศัพท์
- ทั้งสองรุ่นสามารถใช้งานในห้องเงียบๆ(ห้องนอน,ออฟฟิต) ที่ๆเสียงรบกวนน้อยได้สบายๆ แต่ถ้าเน้นการคุยนอกสถานที่แบบ Outdoor เน้นตัดเสียงรบกวน ทีมงานฟันธงว่า Jabra Elite 7 Active มีความพรีเมี่ยมของเสียงมากกว่า
ความหน่วงเมื่อใช้ ดูหนัง,Content,เล่นเกม (Delay)
- สายบันเทิง ดูหนัง, ชม Content ต่างๆบนสื่อ Social Media ทางทีมงานมีโอกาสทดสอบทั้งส่วนของ Youtube, Netflix ที่เป็นการใช้งานหลักๆสำหรับยุคนี้ก็พบว่า หูฟังทั้งสองให้การตอบสนองที่แม่นยำ ไม่รู้สึกดีเลย์ทั้งคู่ โดยใช้งานแบบธรรมชาติๆ ไม่จ้องจับผิด
- ส่วนคอเกมที่ใช้อุปกรณ์ iOS เป็นหลัก ยังไง Beats Fit Pro ก็ได้ความพรีเมี่ยมกว่ามากๆแบบสุดโต่ง ตอบสนองได้แม่นยำ แต่หากใช้ Beats Fit Pro คู่กับ Android จะรับรู้ถึงอัตราดีเลย์ที่จับผิดได้สัก 0.1-0.3 วินาทีโดยประมาณครับ
- ในส่วน Jabra Elite 7 Active ยังคงตอบสนองได้ช้ากว่า รู้สึกดีเลย์ใกล้เคียงกันทั้งระบบ iOS & Android ประมาณ 0.3-0.5 วินาที
425Audio รู้สึกยังไง?
Beats Fit Pro
- แจ๋วสุดคือเรื่อง ความเสถียรกับการใช้งานกับอุปกรณ์บนระบบ Apple EcoSystem ที่หูฟังค่ายอื่นๆนอกเหนือจาก Beats & Apple ยังไม่สามารถทำได้
- แนวเสียงรวมมีความแปลกใจเล็กน้อย ไม่บ้าคลั่งแบบ Beats ในรุ่นก่อนๆ เหมาะสำหรับคนที่ชอบแรงปะทะของเสียงย่านต่ำ (Bass) หนัก แต่ยังได้รายละเอียดในย่านเสียงสูง (Treble) แนวเสียงคมชัดและใส
- รองรับ Spatial Audio (iOS)
- ANC ตัดเสียงรบกวน ตัดได้จริง แต่ยังไม่ถึงกับพรีเมี่ยม เงียบกริบ
- ระบบดูดเสียงรอบข้างดีมาก เสียงเป็นธรรมชาติ ไม่ซู่ซ่า
- Youtube, Netflix ไม่ดีเลย์ ใช้เล่นเกมเร็วทันใจ
- ปรับดีไซน์ทันสมัย & ขนาดเล็กลงแล้ว
- กันน้ำ IPX4 ใส่ออกกำลังกายได้ (แต่น่าจะเพิ่มมาตรฐานกันน้ำให้อุ่นใจอีกหน่อย)
- ไมค์คุยรู้เรื่องในที่ Indoor, ถ้า Outdoor เสียงรบกวนยังเยอะ
- สวมใส่สบาย โปร่ง โล่งหูขึ้นเยอะ จาก Beats Powerbeats Pro
- ปุ่มกดมัลติฟังก์ชั่นใช้งานง่าย กดไม่เจ็บหู ไม่ลั่นง่าย
- มีเซนเซอร์ Wearing Detection (Auto Play-Pause) ตอบสนองรวดเร็วใช้ได้
- เรทราคา 7,000 ไม่ถือว่าแพงครับ เมื่อคิดว่าได้ซื้อแบรนด์ Beats ที่ได้คุณภาพเสียงและวัสดุที่ดี และการใช้งานเสถียรบนระบบ Apple EcoSystem
Jabra Elite 7 Active
- แจ่มที่สุดคือเรื่อง Fitting สวมใส่ ทั้งสวมใส่ประจำวันและออกกำลังกายได้ความกระชับ การเก็บซีลเสียง รวมถึงความเบาสบายที่ดี รู้สึกสมดุล(Balance)ที่สุดในคลาส
- แนวเสียงรวมยังคงคาแรคเตอร์เสียงแบบฉบับของ Jabra คือเสียงย่านต่ำ(Bass) ลึก-อวบใหญ่ ผสมผสานไปถึงย่านกลาง-ต่ำ(Mid-Low) หนา-นวล สามารถให้เสียงร้องในบทเพลงในแบบที่อิ่มและฉ่ำ แต่รายละเอียดเสียงย่านสูง(Treble) จะนวล-เนียน บางแนวเพลงอาจรู้สึกสบายเกินไป
- ถ้ายังไม่ถูกใจเสียง ปรับ EQ ในแอพฯได้ ให้ EQ มาทั้งหมด 5 ก้าน (Low, Mid-Low, Mid, Mid-High, High) ลองปรับใช้งานจริงๆแล้วรู้สึกถึงคาแรคเตอร์เสียงที่แตกต่างได้ดี ไม่เหมือนบางแบรนด์ที่ไม่ค่อยรู้สึกครับ
- ไมค์เทพ! ธรรมดาหูฟังทรงกลมแบบนี้มักจะหาที่ไมค์คุยรู้เรื่องยาก แต่ตัวนี้ใช้คุยได้ดีกว่า Beats Fit Pro
- การตัดเสียงบรรยากาศ (Background) ในไมค์คุยโทรศัพท์ ตัดได้จริง โดยเสียงพูดยังหนาปกติ ไม่บี้แบน
- ตัดเสียงรบกวน ANC ปรับระดับ ตัดเยอะ-ตัดน้อยได้ ตัดได้จริงเช่นกัน แต่รู้สึกอึดอัดไปหน่อย
- ระบบดูดเสียงรอบข้าง เสียงดัง แอบสะดุ้งกว่าเสียงธรรมชาติเล็กน้อย
- แอพฯ Jabra Sound+ ปรับตั้งค่าหูฟังได้ละเอียดกว่า Beats Fit Pro
- สวมใส่ออกกำลังกายมั่นใจกว่า กันน้ำสูง IP57
- ปุ่มกดมัลติฟังก์ชั่นใช้ง่าย กดไม่เจ็บหู ไม่ลั่นง่าย
- มีเซนเซอร์ Wearing Detection (Auto Play-Pause) แต่ตอบสนองช้ากว่าทาง Beats เล็กน้อย
- ในเรื่องแอพฯ หากเป็นมือใหม่ อาจงงว่าฟีเจอร์ต่างๆใช้งานอย่างไรบ้าง ต้องใช้เวลาศึกษาเพิ่มเติมเล็กน้อยครับ
ในแง่มุมความคิดเห็นของ 425Audio
- สำหรับ 425Audio คิดว่า Jabra Elite 7 Active ให้ความประหยัดที่ดีกว่า และให้คุณภาพการใช้งานได้ใกล้เคียงกัน ในหลายแง่มุมทำได้ดีกว่าซะด้วย
- แต่ส่วนตัวนั้นชอบแนวเสียงที่ฉูดฉาด คมชัดเล็กน้อย จึงชอบแนวเสียงของ Beats มากกว่า ซึ่งทาง Jabra จะตอบโจทย์ได้ดีกับกลุ่มที่ชื่นชอบความนุ่มนวล อวบอิ่มมากกว่าครับ
- หากเป็นไปได้อยากได้เสียง Beats และชิพ Apple H1 มาอยู่ใน Jabra แล้วทุกอย่างจะ Perfect และตอบโจทย์กับสไตล์การใช้งานของ 425Audio มากที่สุดเลยครับ