คู่ Earbuds True Wireless สุดร้อนแรง หูฟังไร้สาย Fiil CC Nano vs Soundpeats Air 3
-
สวัสดีเพื่อนๆ 425Audio ทุกท่านครับ ห่างหายกันไปนานสำหรับศึกชนหูฟังไร้สาย True Wireless ในวันนี้ค่อนข้างน่าตื้นเต้นครับ เพราะเป็นหูฟังทรงเอียร์บัด(Earbuds) รุ่นยอดนิยม “ร้อนแรงทั้งคู่” จะเป็นอะไรไปไม่ได้เลย นั่นคือ Fiil CC Nano VS Soundpeats Air 3
-
สำหรับหูฟังทั้งสองรุ่นนี้ 425Audio ต้องบอกว่า “มีจุดเด่นที่คล้ายกัน” แต่ลึกๆแล้วมีความแตกต่างครับ ไม่ว่าจะเป็นเสียง, ดีไซน์, ฟิลลิ่งการใช้งานโดยรวม แต่ที่แน่ๆคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนของทั้งสองรุ่นนี้นั้นเหมาะสำหรับคนเน้นการสวมใส่สบายควบคู่ไปกับคุณภาพเสียงดีๆครับ สำหรับเพื่อนๆที่ชื่นชอบหูฟังทรงเอียร์บัด(Earbuds) หรือกำลังมองหาหูฟังดีๆไว้ใช้งานสักตัว ไม่ควรพลาดครับ!
ดีไซน์
-
ยอมรับว่าวัดกันยาก เพราะขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละคนจริงๆ แต่ตัวที่ 425Audio สัมผัสได้ถึงความพรีเมี่ยมของวัสดุมากกว่านั้นเป็น Fiil CC Nano ครับ ที่เลือกใช้วัสดุสีเทา-ดำผิวเงา ให้ความรู้สึกสวย จับแล้วแน่นมือ มีน้ำหนักพอดี ง่ายๆคือไม่รู้สึกก๊องแก๊งครับ แต่สำหรับเจ้า Soundpeats Air 3 จะให้ความรู้สึกเฉยๆด้วยวัสดุแบบพลาสติกสีดำด้านครับ ความชอบส่วนตัว 425Audio มองว่า Fiil CC Nano มีความทันสมัยกว่า
Fiil CC Nano : ทันสมัย พรีเมี่ยม
Soundpeats Air 3 : เรียบๆ สมราคา
เสียง
- สำหรับคนชื่นชอบเสียงสไตล์ทุ้ม-หนักแน่น แข็งแรง เสียงหนาๆชัดเจนมาจากโรงงาน 425Audio ฟันธงให้เจ้า Soundpeats Air 3 ที่ทำได้ดีกว่าครับ ด้วยพลังของเสียงย่านต่ำหรือเบส(Bass) ที่มีความลึก ให้มวลลูกใหญ่ๆของชิ้นดนตรีได้ดีกว่า
- ส่วนการจูนเสียงของเจ้า Fiil CC Nano นั้นจะให้คาแรคเตอร์ของเสียงที่ใสเป็นประกายได้ดีกว่าครับ แต่หากชื่นชอบย่านเสียงเบสลูกใหญ่ จะรู้สึกว่ายังไม่ตอบโจทย์ขนาดนั้น แต่ข้อดีของเจ้า Fiil CC Nano นั้นคือการใช้งานร่วมกับแอพฯครับ ที่เราสามารถปรับ Custom EQ เสียงได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการปรับตาม Preset EQ, Custom EQ เอง ก็สามารถทำได้ครับ
Fiil CC Nano : โทนใส คมชัด
Soundpeats Air 3 : โทนหนา ฟังอิ่ม
ทีเด็ด!
- ในส่วนของการเชื่อมต่อของ Fiil CC Nano นั้นถือว่าเป็นทีเด็ดท่าไม้ตายเลยครับ หูฟังสามารถเชื่อมต่อได้พร้อมกันสองอุปกรณ์(Multipoint) เช่นเพื่อนๆที่เป็นพนักงานออฟฟิศต้องการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่อฟังเพลงไปด้วย พร้อมกับเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ไว้สำหรับรับ-วางสายโทรศัพท์ได้ทันท่วงทีก็สามารถเชื่อมต่อรอไว้ได้เลย ซึ่งโดยรวมแล้วช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้นมากๆครับ
Fiil CC Nano : รองรับการเชื่อมต่อ Multipoint
Soundpeats Air 3 : ไม่รองรับ
การใช้งานร่วมกับแอพฯ
ตรงจุดนี้เจ้า Fiil CC Nano ถือว่าชนะขาดครับ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่า ใช้งานร่วมกับแอพฯ Fiil+ เพื่อดูข้อมูลแบตเตอรี่ต่างๆของหูฟังและกล่อง รวมถึงตั้งค่าเสียง, โหมด low latency, การสัมผัสควบคุมต่างๆได้
แต่ถึงอย่างไร ฟิลลิ่งการใช้งานจริงของแอพฯนั้นยังคงต้องยอมรับตามตรงว่ายังมีความหน่วงในการปรับค่าต่างๆอยู่ อย่างเช่นการปรับเสียง EQ ต่างๆ รวมถึงฟิลลิ่งการใช้งานบางฟีเจอร์ที่ยากไปหน่อยครับ ซึ่งตรงจุดนี้ผู้ใช้งานบางคนอาจจะต้องศึกษาอุปกรณ์ก่อนใช้งานสักพัก
Fiil CC Nano : รองรับแอพฯ
Soundpeats Air 3 : ไม่รองรับแอพฯ
คุยโทรศัพท์
- ในส่วนของสเปคไมโครโฟน เป็นไมค์ข้างละ 2 ตัวทั้งสองรุ่นและให้ฟิลลิ่งการใช้งานที่ใกล้เคียงกันมากๆครับ สำหรับเพื่อนๆที่เน้นว่าหูฟังจะต้องคุยโทรศัพท์รู้เรื่อง 425Audio ฟันธงเลยว่าทั้งสองรุ่นนี้สามารถใช้คุยหรือประชุมงานได้สบายๆ เรื่องความคมชัดของเสียงพูดโดยรวม ตัว Fiil CC Nano จะมีเนื้อเสียงไมค์ที่หนากว่าเล็กน้อยและการตัดเสียงรอบข้างดีกว่า สำหรับการใช้งานในที่ๆมีเสียงรบกวนครับ แต่โดยรวมแล้วทั้งสองรุ่นนี้ใช้คุยโทรศัพท์ได้สบายๆครับ
- หรือถ้าหากเพื่อนๆสนใจ >>> หูฟังไมค์ดี <<< รุ่นอื่นๆ คลิ๊กที่นี่ได้เลยครับ
Fiil CC Nano : ตัดเสียงรอบข้างเนี๊ยบกว่า
Soundpeats Air 3 : ตัดเสียงรอบข้างไม่เนี๊ยบเท่า
ดูหนัง, เล่นเกม
- ต้องยอมรับตามตรงเลยว่าในส่วนนี้ทำได้ดีทั้งคู่ครับด้วย Game Mode หรือ Low Latency Mode เท่าที่ 425Audio ใช้เล่นเกม PubG หรือ ดูหนัง Netflix, Youtube ก็ใช้งานได้แม่นยำทั้งคู่ครับ แต่จุดที่น่าสนใจคือ Fiil CC Nano มาพร้อมโหมด Low Latency Mode ถึง 3 โหมดด้วยกัน สามารถปรับได้ว่าให้เป็นการใช้งานร่วมกับ Game, Video, Music ซึ่ง AI ของตัวหูฟังเองจะมีการปรับให้เข้ากับการใช้งานในโหมดต่างๆ แต่เท่าที่ 425Audio ลองใช้งานจริงนั้นแทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่างกันเลยครับ
Fiil CC Nano : รองรับ Low Latency Mode 3 โหมด
Soundpeats Air 3 : รองรับเฉพาะ Game Mode
แบตเตอรี่
- ตัวหูฟังทั้งสองรุ่นนี้สามารถใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุดอยู่ที่ราวๆ 5 ชม. เหมือนกันครับ แต่สำหรับเจ้า Fiil CC Nano จะสามารถชาร์จกับกล่องได้มากกว่า อยู่ที่ประมาณ 30 ชม.(รวมกล่องชาร์จ) Soundpeats Air 3 จะได้ประมาณ 17.5 ชม. (รวมกล่องชาร์จ)
Fiil CC Nano : หูฟัง 5 ชม., สูงสุด 30 ชม.
Soundpeats Air 3 : หูฟัง 5 ชม., สูงสุด 17.5 ชม.
ฟีเจอร์ที่ Soundpeats Air 3 เด็ดกว่า!
- Soundpeats Air 3 มาพร้อมกับเซนเซอร์ Wearing Detection ที่ช่วยหยุดเพลง-หรือเล่นเพลง เมื่อหูฟังเคลื่อนที่ออกจากหู ให้ฟิลลิ่งการใช้งานรวมๆคล้ายหูฟังราคาสูงๆอย่างพวก Apple ซึ่งถือว่าต้องชมเชยกับแบรนด์จริงๆครับที่กล้าให้มาในหูฟังราคาเรทนี้
Fiil CC Nano : ไม่มีเซนเซอร์
Soundpeats Air 3 : มีเซนเซอร์
ตัวไหนเด่นอะไร…เหมาะกับใคร?
Fiil CC Nano
- เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบ เน้นเสียงโทนใสๆและปรับ EQ เสียงได้หลากหลายกว่า ชื่นชอบดีไซน์หูฟังที่ให้ความเอกลักษณ์ และเหมาะสำหรับคนที่ต้องการเชื่อมต่อพร้อมกัน 2 อุปกรณ์แบบ Multipoint
- แต่จุดที่ต้องพิจารณานั้นเป็นในเรื่องของคนใช้งานต้องพอมีพื้นฐานความรู้ความเข้าใจในการปรับแต่งการใช้งานหูฟังด้านต่างๆครับ
Soundpeats Air 3
- เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการฟังแบบเน้นเสียงเบสลูกใหญ่ ฟังสนุก เน้นงบที่ประหยัดมากกว่า เชื่อมต่อใช้งานทีละเครื่อง ไม่เน้นฟีเจอร์หวือหวาซับซ้อน เน้นใช้งานง่าย
- ส่วนจุดพิจารณานั้นเป็นเรื่องของดีไซน์และคุณภาพวัสดุที่บางคนอาจมองว่าดูเรียบไปหน่อยครับ
ตารางเปรียบเทียบหูฟังทั้งสองรุ่น
จุดที่ 425Audio ประทับใจ
- จุดที่ทำได้ดีทั้งคู่นั้น ทีมงาน 425Audio ต้องยอมรับว่าเป็นในเรื่องของการคุยโทรศัพท์ครับ ที่การใช้งานจริงนั้นทำได้ดีทั้งในเรื่องการคุยโทรศัพท์ทั่วไป รวมถึงการสวมใส่ประชุม Meeting หากเพื่อนๆกำลังตัดสินใจเฉพาะเรื่องนี้เป็นหลพก ทีมงาน 425Audio ต้องบอกว่า ตัดสินใจเลือกซื้อใช้งานได้ทั้งสองตัวครับ
- ภาพรวมของหูฟังทั้งสองรุ่นนี้นั้นจะแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดที่ดีไซน์และน้ำเสียงอย่างที่เกริ่นมาในเบื้องต้นครับ
- ถ้าชอบแนวเสียงตูมตาม เบสหนา-หนัก Soundpeats Air 3 ยังตอบโจทย์กว่า
- แต่ถ้าหากชอบแนวเสียงที่เคลียร์กว่า คม-ใสกว่า Fiil CC Nano จะทำได้ดีกว่าครับ
- หากเพื่อนๆชาว 425Audio ชื่นชอบหูฟังทรง Earbuds อยู่แล้ว ทีมงาน 425Audio มองว่าสองรุ่นนี้เป็นหูฟังที่คุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานได้ดีทั้งสองตัวเลยครับ